4 เรื่องที่ INFJ เท่านั้นที่จะเข้าใจ

INFJ ใช้ฟังก์ชัน Ni (Introverted intuition) การรับข้อมูลโดยใช้สัญชาตญาณจากโลกภายใน Fe (Extraverted feeling) การได้รับพลังงานและแสดงความรู้สึกจากโลกภายนอก Ti (Introverted thinking) การคิดวิเคราะห์ข้อมูลจากโลกภายในและ Se (Extraverted sensing) การฝึกฝนประสาทสัมผัสทั้ง 5 จากโลกภายนอก ในการรับข้อมูล ทำให้ INFJ โดดเด่นอย่างมากในการใช้สัญชาตญาณตัดสินใจภายใน นอกจากนี้ยังมีความเห็นอกเห็นใจ และมองโลกตามความเป็นจริงอีกด้วย แต่ไม่ถนัดในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้าแบบทันที

มาดู 4 เรื่องที่ INFJ เท่านั้นที่จะเข้าใจกันดีกว่า

1. นอนไม่หลับแล้วนึกถึงเรื่องน่าอายที่ตัวเองเคยทำในอดีต

อาจเพราะการใช้ฟังก์ชัน Se และ Te ที่ค่อนข้างด้อยคล้ายๆกับ INFP เมื่อดูหนังและหนีจากเรื่องเครียดของการทำงานพอแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้ที่ INFJ จะเกิดอะไรนอนไม่หลับตอนกลางคืน หรือตื่นมาช่วงกลางดึกแล้วกลับไปนอนต่อไม่ได้ แล้วคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต เรื่องของคนอื่น และเรื่องน่าอายที่ตัวเองเคยทำสมัยเด็กๆ ความกังวลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนใช้ฟังก์ชัน intuition introverted ทำงานทุกคน บวกกับการด้อยของ sensing extraverted และ thinking extraverted ยิ่งทำให้ความกังวลใจความเศร้าใจความคิดมากเพิ่มจำนวนเป็นคูณสองคูณสาม แต่เพราะ INFJ มีการดึงฟังก์ชัน thinking introverted มาทดแทน จึงทำให้ดึงตัวเองกลับมาในสถานการณ์ความจริงได้ค่อนข้างง่าย แต่เพราะมี intuition introverted และ feeling extraverted ในการทำงานนำหลักอยู่เลยทำให้เรื่องราวในสมองของ INFJ ส่วนมาก 90% จะเป็นเรื่องของเพื่อนๆ ครอบครัว คนใกล้ตัว มากกว่าเรื่องของตัวเองและเมื่อ INFJ นอนไม่หลับและนึกถึงเรื่องของตัวเอง ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องน่าอายที่ตัวเองเคยทำในอดีต เพราะโดยส่วนตัว INFJ เป็นไทป์ที่มีความเป็น perfectionist ในตัวสูง ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรในชีวิตส่วนตัว

3. เดียวเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ

อาจเพราะการใช้ฟังก์ชัน Ni (introverted intuition) ในการรับข้อมูลเป็นหลัก บวกกับ Ti ก็เด่น (introverted thinking) INFJ สามารถล่วงรู้หรือทำนายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตได้จากเซ้นท์ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนๆนี้แล้วมันคล้ายๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนนี้ที่เคยรับรู้มาจากเรื่องของคนอื่นเฉยๆ INFJ จะมีความรู้สึกประมาณนี้ เดียวเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับคนๆนี้แน่ๆ แล้วมันก็จะเป็นจริงแบบที่ INFJ คิดหรือคาดเดา แต่ INFJ ไม่สามารถบอกได้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง หรือรู้ได้จากอะไร เพราะแบบนี้ INFJ จึงมีความสามารถหรือสกิลล่วงรู้อนาคตไม่ต่างอะไรจากหมอดูทำนาย แต่กลับไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้ว่ารู้ได้ยังไงหรือทำไมถึงเกิดขึ้น อาจมาจากเซ้นท์ การอ่านหนังสือหรือฟังจากคนอื่นแล้วเจอเรื่องราวคล้ายๆกัน หรือการหยั่งรู้เป็นสัญชาตญาณอยู่แล้วก็ได้

4. รายล้อมด้วยผู้คนแต่ยังรู้สึกเหงา

หลายครั้งที่มีผู้คนเข้ามาหา INFJ เพราะ INFJ เป็นผู้ฟังที่ดี ใจดี อ่อนโยน และมีความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็มีหลายๆครั้งที่ INFJ รู้สึกเหงาอยู่ดีแม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย คล้ายๆกับ INFP ผู้คนเข้าหา INFJ และทำเหมือนกับว่า INFJ คือเฟอร์นิเจอร์ หรือโซฟาของห้องที่ไม่มีตัวตนในบทสนทนาเมื่อมีคนมากขึ้น INFJ จะรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวขึ้นมาได้ เมื่อรู้สึกว่าเรายืนอยู่ตรงนี้ แต่ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน แม้จะเข้าร่วมในบทสนทนาของเพื่อนๆหลายๆคนที่นั่งอยู่รายล้อมรอบตัวเราก็ตาม เราก็ยังรู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเป็นคนนอก รู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ตรงนี้ในกลุ่มนะ แต่ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาได้เลย

เพื่อน INFJ ที่ผู้เขียนรู้จักมักจะเป็นคนที่เก็บตัว ขยันทำงานหนัก มีไหวพริบ เอาตัวรอดได้ดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ และยังทำงานเก่ง มีความรู้รอบด้าน และสามารถจัดการเวลาชีวิตได้ดีมากๆอีกด้วย แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่วายบ่นเกี่ยวกับนั้นโน้นนี้ในชีวิตมากมาย เป็นคนที่เข้าไปฟังแล้วได้ความคิดเห็นแปลกๆกลับมาใช้ในชีวิตเยอะเลยสำหรับ INFP อย่างผู้เขียน เหตุผลที่ผู้เขียนอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ mbti นั้นก็เพราะว่าอาจจะเป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งของ INFP ก็ได้ที่เวลาอยากรู้หรือสนใจเรื่องอะไรก็จะค้นหาข้อมูลหรืออ่านทุกอย่างจนกว่าจะเบื่อหรือเลิกสนใจเรื่องๆนั้น และผู้เขียนก็อยากจะทำความเข้าใจนิสัยและพฤติกรรมของเพื่อนๆแต่ละคนที่มี mbti 16 ไทป์ที่แตกต่างกันจริงๆค่ะ และผู้เขียนก็อยากให้เพื่อนๆทุกคนมาให้ความสนใจการทดสอบ mbti 16 บุคลิกภาพจริงๆค่ะเพราะว่าเป็นผลการทดลองที่วิเคราะห์มาจากพฤติกรรมและความชอบของคนๆหนึ่งจริงๆที่ทำกิจวัตรประจำวันซ้ำๆจนมีความคิดแบบนั้นหรือคุ้นชินกับนิสัยแบบนี้และมีงานอดิเรกแบบนี้ เป็นต้น ยังไงก็ตาม mbti 16 บุคลิก มีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนไทป์ตามกาลเวลา สถานการณ์หรือเหตุการณ์เมื่อเราโตขึ้นหรืออยู่คนละช่วงเวลาได้ อย่างเช่น สามปีที่แล้วผู้เขียนทำแบบทดสอบได้ไทป์ INFJ หกเดือนต่อมาได้ไทป์ ISTJ และพอหยุดทำงานไปไม่ทำอะไรเป็นเวลานานๆก็ได้ไทป์ INFP สลับกับ INTP บ้างแบบนี้เป็นต้นค่ะ

แถมบริษัทิบางบริษัทก็เลือกที่จะคัดเลือกตำแหน่งงานให้กับคนตามผลทดสอบ mbti ทั้ง 16 ไทป์ ถ้าเป็น xNxP xSxP ก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องรับผิดชอบงานตามตารางเวลามากนะ ไม่ต้อง present บ่อย ช่วยงานหลังฉากอะไรแบบนี้ แต่ถ้าเป็น xNxJ xSxJ ก็รับผิดชอบงานเป็นรูทีนชีวิตนะ ทั้งๆคนบางคน Feeling กับ Thinking ต่างกันแค่ 1% เองก็ไปเหมารวมแล้วว่าเขาได้ไทป์ feeler ต้องทำงานในแผนกงานของ feeler ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเท่าไรนะสำหรับผู้เขียน เพราะงานบางอย่างมันก็ต้องใช้ทั้ง feeler และ thinker ไปเลยในเวลาพร้อมกัน

และนี้ก็เป็น 4 เรื่องที่ INFJ เท่านั้นที่เข้าใจ  INFJ หรือเพื่อนๆคนไหนที่สนิทกับ INFJ ก็คอมเมนท์เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคืดเห็นกันได้นะ

แหล่งอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมที่ 1 / 2

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :

• การเอาชนะความกลัวของ INFJ
• วิธีเอาชนะความกลัวของ INFP
• ข้อแตกต่างระหว่าง ENTJ และ ESTJ
• วิธีแยก ISTJ และ INTJ ออกจากกัน

ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva

รูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 โดย Fanette / 4 โดย mohamed_hassan / pixabay

อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !