เมื่อสัมผัสกับดนตรีของ Pink Floyd ในยุคเริ่มแรก

วงดนตรีที่ผมชอบที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในใจของผมคือ Pink Floyd นั่นเอง ท่านที่เป็นนักฟังเพลงที่อยู่ในวัยกลางคนหรือวัยเกษียณโดยเฉพาะเพลงสากล น่าจะรู้จักกับ Pink Floyd เช่นเดียวกัน ท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบ Pink Floyd ก็เป็นเรื่องธรรมดาขึ้นอยู่กับรสนิยมในการฟังดนตรีของแต่ละคน

ในบทความนี้ผมจะไม่ขอกล่าวถึงประวัติหรือเรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาตั้งแต่ก่อตั้งวง ในยุคปลาย 60 เส้นทางสายดนตรีอันยาวนาน โดยเฉพาะสมาชิกที่มีอิทธิพลและมีอัตตาตัวตนเฉพาะของแต่ละคน ทั้ง Syd Barrett, Roger Waters และ David Gilmore ที่มีรากเหง้าทางดนตรีและตัวตนที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว ดังที่แฟนเพลงของ Pink Floyd ทราบกันดี

แต่จะหยิบยกเอาดนตรีและบทเพลงของ Pink Floyd ในแต่ละอัลบั้ม มาฟังทุกเพลงและผมจะใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาบรรยายให้ท่านผู้อ่าน แต่ขอออกตัวก่อนว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมคนเดียว ผมคงไม่สามารถยกมากล่าวถึงได้ทั้งหมดจึงขอดึงออกมาเฉพาะเพลงที่เป็น Masterpieces ของแต่ละอัลบั้ม แต่ขอรับรองว่าผมเอามาฟังทุกเพลงเพื่อเป็นการรำลึกถึงพวกเขาอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะขอกล่าวถึงอัลบั้มและบทเพลงของพวกเขาในยุคก่อตั้ง

Lucifer Sam โดดเด่นด้วยลายการเดินกีตาร์และเสียงร้องของ Barrett ตลอดทั้งเพลง

แต่เพลงที่มีความแปลกเหมือนการทดลองทางดนตรีของ Waters อีกเพลงคือ Pow R. Toc H. ที่มีเสียง Effect แปลกๆ ประกอบคลอไปกับเสียงเปียโนของ Wright ท่อนท้ายออกแนวหลอนด้วยเสียงคีย์บอร์ด และมีเสียงร้องโหยหวนแปลกๆ ของ Waters โพล่งขึ้นมาตลอดเพลงมันเป็นเหมือนตัวตนของเขาที่ชอบใส่เสียงร้องครางและเสียงเครื่องดนตรีแบบแปลกๆในเพลง

The Scarecrow เป็นเพลงที่เบาเนิบโดดเด่นด้วยเสียงของ Barrett และเสียงกีตาร์ของเขา

Take Up Thy Stethoscope and Walk เป็นเพลงที่แต่งโดย Waters ด้วยท่วงทำนองที่น่าตื่นเต้นด้วยสำเนียงกีตาร์นำไปพร้อมกับและสำเนียงแปลกๆ ของ Waters เพลงนี้แต่งโดยเขาเองและถือเป็นเพลงเอกของเขาในอัลบั้มนี้

เพลง The Scarecrow ของ Barrett เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองเหมือนเพลงสวดที่เนิบนาบด้วยเสียงของ Barrett คนเดียว แต่ในช่วงท้ายโดดเด่นขึ้นมาด้วยเสียงคีย์บอร์ดของ Wright

ในอัลบั้มนี้แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในการนำและอิทธิพลทางดนตรีของ Syd Barrett โดยแท้ ในฐานะของ Front Man เพลงเกือบทั้งหมดในอัลบั้มแต่งโดย Barrett มีบางเพลงที่สมาชิกคนอื่นโดยเฉพาะ Waters เป็นผู้แต่ง ภาพรวมเราคิดว่ามันมีความหลอนและท่วงท่าของ Psychedelic มากกว่า Rock หรืออาจจะออกแนว Art Rock ก็อยู่ที่การตีความทางดนตรีของแต่ละคน

A Saucerful of Secrets (1968)

Pink Floyd ได้เพิ่มมือกีตาร์อีกคนหนึ่งคือ David Gilmore เพื่อมาช่วยร้องนำและเล่นกีตาร์เนื่อง Syd Barrett ที่เริ่มจะมีความผิดปกติ เขามีส่วนร่วมกับอัลบั้มนี้น้อยมากโดยแต่งเพียงเพลงเดียวและไม่ได้อยู่ทำอัลบั้มพร้อมกับวงจนเสร็จสิ้นการออกอัลบั้มที่ 2

เพลง A Saucerful of Secrets เพลงบรรเลงที่เริ่มต้นด้วยเสียงคีย์บอร์ดที่โหยหวนชวนหลอนในแบบ Psychedelic เต็มตัว มันเป็นเพลงบรรเลงเพียงเพลงเดียวในอัลบั้มและโดดเด่นด้วยเสียงคีย์บอร์ดไปตลอดเพลงบางครั้งเพลงนี้ก็ทำให้นึกถึงอุปรากรวงใหญ่ที่กำลังแสดงประกอบเรื่องราวที่สยองขวัญ

Set the Control for the Heart of the Sun น่าจะเป็นเพลงที่เด่นที่สุดในอัลบั้มนี้ในและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เแต่งและร้องด้วยเสียงเนิบนาบโดย Waters ที่เดินไปกับเพลงด้วยเสียงเบส คีย์บอร์ด กีตาร์และกลองอย่างกลมกลืน

Let there be more light เป็นเพลงที่มีโดดเด่นในช่วงอินโทรด้วยเสียงกีตาร์ของ Gilmoreควบคู่ไปกับเสียงคีย์บอร์ดของ Wright เป็นเพลงที่มีความหนักหน่วงในแบบ Rock และเสียงร้องนำของWaters และเสียงร้องประสานที่แทรกอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปตลอดเพลงปนไปด้วยเสียง Solo Guitar ของ Gilmore

Remember a Day เป็นอีกเพลงหนึ่งที่มีความน่าฟังมากในแบบ Psychedelic Rock มีการประสานของเสียงดนตรีและเสียงร้องที่ลงตัวแม้ในตอนท้ายจะฟังดูยุ่งเหยิงอยู่บ้าง เพลงนี้แต่งโดย Wright

น่าเสียดายที่ Barrett ต้องจากวงไปก่อนที่จะบันทึกอัลบั้มชุดนี้เสร็จ เพลงเดียวที่ประพันธ์และร้องโดย Barrett ในอัลบั้มชุดนี้คือ Jugband Blues ซึ่งเป็นเพลงในแบบฉบับของเขาเองที่เหมือนเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มชุดแรก

เราจะสัมผัสกับเสียงเพลงในอัลบั้มต่อไปพร้อมกับการขึ้นมามีอิทธิพลทางดนตรีของ Waters

ขอบคุณ

ภาพปก จาก Facebook Pink Floyd Official

ภาพประกอบ 1 จาก Facebook Pink Floyd Official

ภาพประกอบ 2 จาก Facebook Pink Floyd Official

ภาพประกอบ 3 จาก Facebook Pink Floyd Official

ภาพประกอบ 4 จาก Facebook Pink Floyd Official

จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !