อื่นๆ

เล่าสู่กันฟัง : ประสบการณ์นักศึกษาต่างเเดนเปิดร้านกาเเฟโบราณในอินโดฯ

347
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เล่าสู่กันฟัง : ประสบการณ์นักศึกษาต่างเเดนเปิดร้านกาเเฟโบราณในอินโดฯ

วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวชีวิตที่ประสบด้วยตัวเอง ก่อนอื่นอยากเเนะนำตัวเเบบคร่าว ๆ ผมเป็นคนนราธิวาสครับ ปี 2016 ก็เริ่มมาอินโดนีเซีย ด้วยเหตุที่ว่าชอบภาษาอินโดฯเเละวรรณกรรม จึงเลือกที่จะมาเรียนต่อในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต้องบอกว่าประเทศนี้เป็นประเทศหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวเเละเต็มไปด้วยภาษาเเละวัฒนธรรมที่หลากหลาย เเละที่สำคัญการเป็นอยู่ของคนที่นี้คล้ายคลึงกับคนสามจังหวัดมาก ด้วยเพราะศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหลักที่มีคนนับถือเป็นอันดับเเรกของประเทศ

ksp.go.id/meningkatkan-kualitas-hidup/index.html

เอาล่ะเรามาเริ่มเข้าเรื่องเลยดีกว่า อันที่จริงผมคือนักศึกษาที่ได้รับทุนเเละเเน่นอนสำหรับเงื่อนไขที่ถูกกล่าวในการต่อวีซ่าเเต่ละครั้งระบุไว้ชัดเจนว่า  อย่างเเรกห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องหรือก้าวก่ายในเรืองการเมืองของอินโดนีเซีย เเละข้อสองห้ามนักศึกษาที่ได้รับทุนทำธุรกิจในขณะที่ยังศึกษา เเละอีกอื่นๆที่ผมจำไม่ได้ พอเรียนไปถึงปีสาม ผมก็กลับนราฯ เเละในขณะเดียวกันมีจุดประสงค์ที่อยากกลับไปเเต่งงานเพราะอยากมีความรักเเบบบริสุทธิ์ตามหลักศาสนา เพราะเเฟนเรียนที่เดียวกันด้วย เเละเเล้วทุกแผนที่ว่างไว้ก็บรรลุผล

Advertisement

Advertisement

พอสองสัปดาห์หลังจากงานเเต่งงาน ผมกับเเฟนก็กลับไปเรียนเเละเพราะมหาลัยใกล้จะเปิดเเล้วด้วย หลังจากถึงเมืองที่เรียน สิ่งเเรกที่ผมทำก็คือ หาบ้านเช่าเพราะก่อนหน้านี้อยู่บ้านเดียวกันกับเพื่อน ๆ นักศึกษาไทย เเฟนก็เช่นกัน หาไปหามาก็เจอบ้านเช่าที่ไกลจากมหาลัยฯประมาณ 3-4 กิโลเมตร ด้วยราคา 5 ล้านรูเปียร์ ตกเงินไทยประมาณ 11,000 บาทต่อปี เป็นราคาที่ถูกตั้งเเต่เช่าบ้านที่นี้

  • จุดเริ่มต้นของธุรกิจ Thai Tea (กาเเฟโบราณ)

อันที่จริงผมกับเเฟน ครอบครัวยังส่งเงินให้ทุกเดือนตามปกติ เเต่หลังจากมีครอบครัวก็มีความคิดที่ว่า เป็นหัวหน้าครอบครัวเเล้วน่ะ ถ้าหาเงินเองได้น่าจะดีเนอะ หลังจากนั้นก็ปรึกษากับเเฟน ก็เลยมีความคิดอยากขาย กาเเฟโบราณ ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นกาเเฟโบราณ คำตอบก็เพราะว่าที่อินโดฯกำลังฮิตพอดี คนอินโดฯจะเรียกว่า Thai Tea หรือเเปลตรง ๆ คือ ชาไทย

Advertisement

Advertisement

ถ้าเรื่องที่มาของ Thai Tea อันนี้ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอินโดเรียกชาไทย เเต่ต้องบอกว่า Thai Tea เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาเเละคนทำงาน เเละผมคิดว่าน่าจะเด็นเเละเป็นที่สนใจหาก Thai Tea ขายโดยคนไทยเอง เเละอีกอย่างผมจะเอาสูตรที่ขายไทยปรับเเต่งนิดหนึ่ง บังเอิญว่าผมมีเพือนที่เคยขายกาเเฟโบราณที่ไทยด้วยก็เลยคิดว่าจะฝึกการชงกาเเฟเเละเมนูอื่น ๆ กับเขาโดยตรง ขอบอกว่าในชีวิตผมไม่เคยทำธุรกิจเเม้เเต่ครั้งเดียว นี้คือครั้งเเรกเเละที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ไม่เคยเรียนรู้ทฤษฎีเรื่องการค้าขายด่้วย

ภาพจากผู้เขียน

  • ควักเงินจากกระเป๋าตัวเองเป็นต้นทุน

จากการคำนวณเเบบรวม ๆ ของการเปิดขาย  Thai Tea ใช้ต้นทุนราว ๆ เกือบ เจ็ดพันบาท ซื้อตั้งเเต่โต๊ะสำหรับขายน้ำดื่มเเละสกรีนเเบรนด์ของตัวเอง ผมตั้งชื่อเเบรนด์ว่า มิสเตอร์ปัตตานี ซึงบ่งบอกเมืองเกิดนั้นเอง นอกจากโต๊ะก็มีภาชนะสำหรับใส่ผงเเละอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงหม้อ คือบอกได้ว่าเริ่มจาก ศูนย์ จริง ๆ เพราะอยู่ต่างเเดนคงยากที่จะไปยืมคนนั้นคนนี้ ต้นทุนทุกอย่างนั้นควักเงินจากกระเป๋าของตัวเองนี้เเหละ จนไม่เหลือสักบาท

Advertisement

Advertisement

หลังจากเห็นว่าน่าจะเป็นงานเป็นการ ก็เริ่มบอกครอบครัวว่ากำลังจะทำธุรกิจเล็กน้อย ครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเเค่บอกว่าให้ดูเเลตัวเองด้วยเพราะกลัวจะปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า ทุกอย่างรู้สึกน่าจะไปด้วยดีเเต่ยังไม่เริ่มขายเพราะยังไม่มีสถานที่ที่ชัดเจน ขอบอกว่าเรื่องสถานที่นี้เเหละเป็นปัญหาหลัก เพราะจะขายริมทางจะได้ไม่ต้องเช่าร้านอีก ในอินโดฯส่วนใหญ่เขาจะนิยมขายริมถนนกันอยู่เเล้ว

ภาพจากผู้เขียน

  • บททดสอบเเรก

พอดีมีเพื่อนอินโดฯที่รู้จัก เขาได้เสนอให้ขายหน้ารั่วโรงพยาบาล ก็เลยลองไปสอบถามร้านข้างๆที่เราจะเปิดขาย Thai Tea เขาบอกว่า ตรงนี้ว่างพอดี เราก็เลยตกลงว่าพรุ่งนี้จะเริ่มขาย เขาก็ไม่พูดไรมาก เขาบอกตามสบายเลยครับ ในใจรู้สึกโล่งทันที่เพราะติดที่เรื่องนี้เรื่องเดียว พอเที่ยงของวันถัดไปก็ลองไปดูเพื่อความเเน่ใจ ปรากฎว่ามีคนกำลังขายลูกชิ้นอยู่ เราก็เลยเข้าไปถามว่า ไหนเมื่อวานบอกได้ไงทำไมวันนี้มีคนขายล่ะ เขาตอบเเบบง่าย ๆ โธ่พ่อหนุ่มที่นี้มันเป็นที่สาธารณะน่ะ ใครมาก่อนก็ได้ก่อน หลังได้ยินคำนั้นเเล้วผมก็ไม่พูดมาก หันกลับเเละเเอบมีน้ำตาเล็กน้อย เพราะรู้สึกท้อมาก นึกว่าจะได้ เเต่โดนหักหลังสะงั้น

  • ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

วันถัดไปก็ลองขับมอเตอร์ไซค์ไปดูละเเวกข้างโรงพยาบาล พอดูมีที่ว่างก็เลยลองไปถามเเม่ค้าที่ขายหมี่ใกล้ ๆ นั้นดู เขาก็บอกว่ามาจากไหน จะขายไร ล่ะ หลังจากได้ยินคำตอบ เขาก็ยินดีให้เราขายตรงนั้น วันถัดไปก็เริ่มเปิดร้านครั้งเเรก ธุรกิจก็กำลังไปด้วยเเละได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าของเงินเเต่ล่ะบาทจะหามันได้ไม่ใช่ง่าย เเละเริ่มต้องบริหารเวลาให้ดี เพราะเรายังมีเรียนเเละต้องดูเเลร้านกับเเฟนอีกด้วย  พอขายได้สองสามเดือน สุดท้ายร้านต้องปิดชั่วคราวเพราะด้วยการเเพร่ระบาดของโควิด เพราะในอินโดฯ มีผู้ติดเชื้ออันดับต้น ๆ ของอาเซียน ร้านคงจะเปิดอีก น่าจะหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายก่อน

ภาพจากผู้เขียน

  • สิ่งที่ได้เรียนรู้กับการเปิดร้านกาเเฟโบราณต่างเเดน
  1. ฝึกทักษะชีวิต มีประโยคหนึ่งที่ติดใจผมเเละเป็นเเรงบันดาลใจในการเปิดร้านครั้งนี้ "เรียนจบสูงแค่ไหน ไม่ใช่ประเด็น ทำงานให้เป็น คือ ประเด็นสำคัญ" เพราะจากเคยได้ยินมาปริญญาไม่สามารถยืนยันอนาคตได้ร้อยเปอร์เซน ยิ่งเเค่จบ ป.ตรี งานที่รับรองมีจำนวนจำกัด เพราะฉะนั้นต้องเริ่มฝึกทำงานที่ไม่เกี่ยวโยงกับคนอื่น
  2. ฝึกอดทน เเน่นอนทุกอย่างกว่าจะประสบผลสำเร็จถ้าปราศจากความเเน่วเเน่เเละอดทน ก็คงไปไม่ได้ไกล
  3. รู้สึกถึงคุณค่าของเงิน หลังจากเริ่มขายกาเเฟโบราณ เริ่มนึกถึงความลำบากของพ่อเเม่ที่หาเงินมาให้เรา รู้สึกเพลียมากเพราะเริ่มขายตั้งเเต่ บายโมง ถึง สามทุ่ม คือบอกตรง ๆ เงินที่ได้ทุกบาทที่ได้มาไตร่ตร่องมากตอนจะซื้อเพราะรู้สึกถึงความลำบากที่จะได้มันมา
  4. เริ่มรู้จักการบริหารเวลา อย่างที่บอกผมยังมีเรียน ประมาณสามวิชา ทำให้ผมต้องเเบ่งเวลาให้ถูกเพื่อทั้งสองอย่างเดินข้างหน้าไปกันด้วยดี

เป็นไงบ้างครับหวังว่าบทความนี้ หวังว่าจะให้ประโยชน์เเก่ผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยครับ ผมขอจบบทความนี้เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่คนที่อ่านเรื่องเล่าจาก ประสบการณ์ของผมจนจบ ขอบคุณครับ

เรียนจบสูงแค่ไหน ไม่ใช่ประเด็น ทำงานให้เป็น คือ ประเด็นสำคัญ


ที่มาของรูปภาพ

  • ภาพปก : ภาพจากผู้เขียน
  • ภาพเเรก http://ksp.go.id/meningkatkan-kualitas-hidup/index.html
  • ภาพที่สอง : ภาพจากผู้เขียน
  • ภาพที่สอง : ภาพจากผู้เขียน
  • ภาพที่สอง : ภาพจากผู้เขียน
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์