อื่นๆ

ประสบการณ์ขนลุกทั้งตัว ที่ปราสาทนางผมหอม ปัตตานี

371
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ประสบการณ์ขนลุกทั้งตัว ที่ปราสาทนางผมหอม ปัตตานี

จะว่าผีเลยซะทีเดียวก็ไม่เต็มปากนัก แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์นี้ทำให้ขนลุกซู่ทุกหน แม้กระทั่งตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของนางผมหอม หญิงสาวเลอโฉมสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ตั้งหลักปักฐานอยู่แดนใต้ ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี

ด้วยผมทำงานด้านเขียนสารคดี ทันทีที่ทราบว่า ต.พิเทน มีตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับนางผมหอม และยังคงมีหลักฐานหลงเหลือเป็นชื่อบ้านนามเมือง รวมทั้งปราสาทนางผมหอมตั้งอยู่ จึงไม่รีรอที่จะไปสำรวจ และเขียนเล่าความ

แต่น่าแปลก ที่น้อยคนนักจะรู้ว่ามีปราสาทนางผมหอมตั้งอยู่ ชาวบ้านในตัวเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะแม้กระทั่งชาว อ.ทุ่งยางแดง เองยังหาคนรู้จักได้น้อย

ภูเขา ต.พิเทน

ตำนานนางผมหอมชายแดนใต้ มีเรื่องราวสังเขปว่า ครั้งที่กรุงศรีฯ ยกทัพมาทำศึกกับเมืองปัตตานีเมื่ออดีตนั้น มีชาวจามเลี้ยงช้างชื่อว่า “พี่เณร” ทำช้างเผือกหลุด จึงต้องพาน้องๆ อีก 5 คนตามช้าง น้องคนสุดท้องยังเล็กนัก คือ “นางผมหอม” พี่เณรน้องให้ขี่คอเดินตามช้าง ช้างเผือกหลุดเข้าพื้นที่เมืองปัตตานี มายังเขต อ.ทุ่งยางแดง พี่เณร และน้องๆ ตามยังไงก็ไม่ทัน สุดท้ายเลิกล้มความตั้งใจ ครั้นจะกลับทัพอยุธยาก็ทำไม่ได้ เพราะโทษถึงตาย จึงตั้งหลักแหล่งอยู่ที่แห่งนั้น กลายเป็นต้นตระกูลของชาว ต.พิเทน ซึ่งชื่อนี้เพี้ยนมาจากคำว่า พี่เณร ส่วนน้องคนสุดท้อง ชาวบ้านรู้จักในนาม นางผมหอม สร้างปราสาทอยู่ไม่ไกลนัก ปัจจุบันปราสาทยังคงอยู่ รัฐบาลเคยจัดสร้างเพิ่มเติมเป็นสวนหย่อม ใช้ชื่อ “อุทยานปราสาทนางผมหอม” มีลำธาร มีน้ำตก แต่หลังจากเหตุการความไม่สงบเริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2547 สถานที่แห่งนี้จึงถูกทิ้งให้รกร้าง

Advertisement

Advertisement

ผมและเพื่อนๆ ทีมงาน ทราบกันแค่นี้ เราสืบหาตำแหน่งทางเข้าปราสาทนางผมหอม และมั่นใจว่าใกล้ๆ นั้นน่าจะใช่ แต่เมื่อถามหญิงชราบ้านใกล้ๆ นางกลับบอกว่า ไม่รู้จัก

ป้ายปราสาทนางผมหอม

เราวนรถอยู่หลายรอบ กระทั่งล้มเลิกความตั้งใจ เพราะหาทางเข้าไม่เจอ แต่แล้วก็เจอพี่ผู้ชายใจดีท่านหนึ่งที่ร้านขายของชำ พอทราบว่าเราจะไปไหน เขาอาสานำทาง ปรากฏว่า ทางเข้าอยู่หน้าบ้านของหญิงชรา ที่ปฏิเสธเรื่องตำแหน่งปราสาทนางผมหอมนั่นเอง ทางเข้ามีป้าย แต่ป้ายถูกหญ้ารกปกคลุมจนมองไม่เห็น

ทีแรก พี่ผู้ชายเพียงจะมาส่งแค่ปากทาง ไปๆ มาๆ เขาบอกว่า จะพาไปส่งให้ถึงที่ คณะเราไปด้วยกัน 6 คน มีช่างภาพด้วย 2 คน แต่ช่างภาพทั้ง 2 มัวแต่ถ่ายภาพต้นไม้ ดอกไม้ เลยถูกเราทิ้งไว้รั้งท้าย เป็นอันว่า มีที่ตามคนนำทางไปแค่ 4 เท่านั้น

เพื่อนร่วมทางกับผมคนหนึ่ง ชอบเดินป่า เขาเล่าว่า ทางคตินักเดินป่าบอกว่า มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนางผมหอมย่านชายแดนใต้ คือ ผีนางไม้ เวลาเข้าป่าจะได้กลิ่นหอม และหากใครทักว่าหอม จะถูกพรางตาและหลงป่าทันที

Advertisement

Advertisement

แอ่งน้ำ

เอาจริงๆ ผมกลัวนะ เรื่องเล่าที่เพื่อนบอกน่ะ...จากป้ายปราสาทนางผมหอม เราเดินผ่านสวนยางโล่งเตียนไปเรื่อยๆ ผ่านลำธารเล็กๆ บ่อน้ำโบราณ สักครู่ก็ถึงทางเข้าส่วนที่เป็นอุทยานปราสาทนางผมหอม ครับ! จากสวนยางโล่งเตียน สว่าง ทันทีที่ก้าวเข้าเขตอุทยาน บรรยากาศกลับครึ้มไปในบัดดล และกลิ่นหอมก็โชยมา เพื่อนอีกคนโผล่งออกมาทันทีว่า หอม เอาล่ะ ผมหันมองหน้าทันที ด้วยแววตาหวั่นๆ

แปลกมาก บรรยากาศที่โล่งสบาย กลับรก ครึ้ม ชื้น ขณะเดิน ดอกชบาสีแดงหล่นจากเบื้องสูงตกลงเบื้องหน้าผม ผมตกใจปกติชบาต้นไม่ใหญ่ขนาดดอกจะร่วงมาจากที่สูงได้ แม้กลัวอยู่บ้างแต่ก็อดแหงนหน้ามองไม่ได้ อ้อ! ต้นชบาถูกทิ้งไว้ในป่า มันจึงเร่งความสูงเพื่อรับแสงแดดนั่นเอง ถึงว่าสูงนัก

เราใช้เวลาเดินอยู่นาน ยิ่งเดินยิ่งมืด จึงมีมติกันว่า กลับเถอะ ไม่ไปต่อแล้ว กลัวกลับออกมาไม่ทัน และเมื่อเราตกลงว่าจะกลับ พลันได้ยินเสียงกู่ วู้ๆ จากช่างภาพ 2 คนทันที คนนำทางห้าม... ไม่ให้เราตะโกนรับ เขาบอกว่า รอให้กู่ครบ 3 ครั้งก่อน เพราะนั่นหมายถึงเสียงคน หากต่ำกว่านี้ ไม่ใช่คน เดชะบุญ เสียงกู่มี 3 ครั้ง เรารีบขานรับทันที แล้วรีบจ้ำออกมา

Advertisement

Advertisement

เขตอุทยาน

คุณเอ๋ย จากที่ฟ้าครึ้ม เมื่อเราก้าวออกมาจากเขตอุทยาน กลับสว่างโล่ง ยังกะคนละมิติ ช่างภาพทั้ง 2 คน ยืนรออยู่ทางออกพอดี เมื่อเขาเจอเรา เขาบอกให้รีบกลับ บอกมีธุระ เราก็งงๆ เพราะตอนมา เขาบอกว่าง

เมื่อเราออกมาจากพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จึงได้รู้ว่า ทำไมช่างภาพจึงเร่งให้กลับนัก คนที่ 1 เล่าว่า เขากับอีกคนแยกทางกัน มัวแต่ถ่ายภาพ เมื่อละสายตาจากช่องมองภาพของกล้อง ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่แล้ว เขายืนงงอยู่ที่บ่อน้ำโบราณ พลันปรากฏหญิงสาวในชุดไทย สวยมาก ยิ้มให้ แล้วชี้มือไปยังทางเข้าเขตอุทยาน...ส่วนช่างภาพคนที่ 2 บอกว่า เขาเดินเพลิน จนพบว่าตัวเองอยู่ในป่ารกแห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงกระซิบบอกทาง เขาเดินตามเสียงอย่างงงๆ กระทั่งมาเจอกับอีกคนที่ปากทางเข้าเขตอุทยาน หากไม่ได้ยินเสียง หรือเห็นหญิงคนนั้น คงหลงทางไปแล้ว

พื้นที่ในอุทยาน

เรื่องราวนี้เป็นที่ติดใจเราจนถึงทุกวันนี้ เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสกลับไป ต.พิเทน อีกครั้ง เพื่อเก็บข้อมูลเรื่องการทอผ้า เรามีโอกาสไปพูดคุยกับหญิงชรา ที่บ้านอยู่ตรงข้ามทางเข้าปราสาทนางผมหม หญิงชราเฉลยว่า ที่บอกไม่รู้จัก เพราะไม่อยากให้เข้าไป หากเจอนางผมหอมน่ะไม่เป็นไรหรอก นางใจดี กลัวไปเจออย่างอื่นมากกว่า และก่อนหน้านี้ก็มีคณะพัฒนาเข้าไปหมายจะฟื้นฟูอุทยาน พวกเขาค้างแรมที่นั่น ปรากฏว่าเมื่อตกดึก กลับมีเสียงมโหรี ดนตรี อย่างครื้นเครง จนต้องย้ายออก และไม่มีใครเข้าไปพัฒนาอีก

ผมว่าทางปราสาทนางผมหอมคงดีใจมากกว่า ที่จะมีคนมาพัฒนา เอ๊ะ หรือนางต้องการอยู่อย่างเงียบๆ นะ

********

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์