อื่นๆ
ความฝันบนทะเล
สวัสดีครับ เมื่อหลายเดือนก่อนผมมีทริปไปเที่ยวทะเลที่รู้สึกพิเศษมากๆ หาดในช่วงนั้นเงียบสงบ น้ำทะเลใสสะท้อนสีท้องฟ้าจนแทบจะกลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน หาดทรายสะอาด ถึงจะเคยไปทะเลบ่อยแล้ว แต่ทริปนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างจริงๆครับ เคยมีผู้อ่านคนไหนที่นอนฝันดีแล้วพอตื่นมารู้สึกเสียดายบ้างมั้ยครับ ผมเคยฝันดีอยู่หลายๆครั้ง บางครั้งก็สมจริงจนตอนตื่นมาก็รู้สึกซึมเลย และในทริปนั้นเองผมก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างและบันทึกมันเอาไว้ในโทรศัพท์ทันทีที่นึกได้ เรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นอนหลับฝันดีทุกครั้งที่เขานอนหลับลง ฝันของเขางดงามและสมจริง จนแทบไม่มีรอยยิ้มในช่วงที่เขาตื่นนอนเลย ผมขอยกส่วนหนึ่งของเรื่องที่แต่งมาให้ทุกคนอ่าน โดยมีชื่อเรื่องว่า “ความฝันบนทะเล” ครับ
*ทุกภาพ ถ่ายและดัดแปลงโดยครีเอเตอร์
Advertisement
Advertisement
ความฝันบนทะเล
(ฉบับย่อ)
เขียนไว้ในปี 2022
1+1 = 2
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังไปตลอดแนวลานกว้างในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ธงอังกฤษที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจชื้นทุกครั้งที่เขามองไปหามัน ต้นไม้เริ่มสลัดใบไม้ลงจนหมดเป็นสัญญานว่าฤดูใบไม้ร่วงและคริสมาสต์เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เมลนั่งบนอัฒจันทร์ขณะมองไปที่นักเรียนคนอื่นที่วิ่งกันจนเหนื่อยหอบ กระรอกไต่ไปตามขั้นบันไดและทิ้งเศษใบไม้เอาไว้ เมลปัดใบ้ไม้ออกและนอนลง เขารู้สึกถึงอากาศหนาวที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมกับลมแรงจนกระทั่งครูเป่านกหวีดเรียกให้ทุกคนเข้าไปในอาคาร
“ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ส่งของอะไรกลับไปให้เพื่อนที่ไทยบ้างรึยังอะ” ไดน์ เด็กสาวผมบลอนด์ถามขณะนำของเก็บในล็อกเกอร์ “ถ้ายัง เลิกเรียนไปเดินซื้อของกันมะ”
“เอาสิ” เมลกล่าวด้วยความตื่นเต้น
Advertisement
Advertisement
เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ทั้งสองเดินออกจากโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว เพื่อเลี่ยงที่จะโดนครูเรียกใช้ถือของ ใบไม้สีอำพันร่วงลงมาตามทางพร้อมกับเสียงพูดคุยของนักเรียน ทั้งคู่เดินผ่านประตูที่ส่งเสียงกริ่งทุกครั้งที่มีคนเปิดมัน เสียงเพลงคลอเบาๆในร้านค้าทำให้เมลใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก แสงจากหน้าต่างกระทบแก้วคริสตัลบอลและดึงดูดให้เมลเดินเข้าไปหามัน
“เอานี่ดีมะ” เมลกล่าวและลองเขย่าลูกแก้ว หิมะกระจายและค่อยๆร่วงใส่กระท่อมหลังเล็กในนั้น ไดน์หยิบมันมาเขย่าเล่นและพยักหน้า เจ้าของร้านนำมันใส่ถุงกระดาษสีน้ำตาล ก่อนที่เมลจะเอื้อมใส่มันเข้าไปในกระเป๋าเป้ และทั้งคู่ก็เดินออกมาจากร้าน
“เมล... เรามีอะไรจะบอกเธออะ” ไดน์กล่าวและหยุดเดิน เมลมองเธอด้วยความรู้สึกสงสัย แต่ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเลือนลางไป ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา เมลก็ตื่นขึ้นจากความฝัน
Advertisement
Advertisement
~~~
เมล เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีนั่งอยู่บนเตียงกลางดึกและถอนหายใจขณะที่เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ความเงียบกระจายอยู่ทั่วราวกับว่าสามารถได้ยินเสียงกะพริบของดวงดาว เมลเอื้อมมือลงไปคลำหาลูกแก้วในกระเป๋าเป้ของเขา แต่ก็ไม่พบอะไร เมลมองไปบนภาพของเขาและเพื่อนอีกสองคนบนกำแพง ในรูปนั้นไม่มีไดน์อยู่ เมลพยายามลืมเรื่องทุกอย่างในหัวและพยายามนอนหลับอีกครั้งหนึ่ง
เมลเดินออกมาจากรถไฟฟ้าในยามเช้าตรู่ เป็นเวลาซักพักกว่าเขาจะกลับมาคุ้นชินกับสายไฟระโยงระยาง อากาศร้อนอบอ้าว บรรยากาศของโรงเรียน และเพื่อนคนเก่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง เมลเดินผ่านประตูโรงเรียน เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลเข้ม พลางวางของบนโต๊ะเรียน เมลเห็นดีนเดินเข้าห้องมาด้วยสีหน้าสดใสพลางคุยกับกลุ่มเพื่อนที่รุมล้อมเขาอยู่ ดีน เพื่อนสนิทของเมลทักทายเขาในตอนเช้าด้วยรอยยิ้มเสมอ มันอาจจะดูตลก แต่สำหรับดีนเอง เขารู้ดีว่าทุกเช้าของเมลหลังตื่นจากความฝันเป็นเรื่องที่ยากเพียงใด พักกลางวันค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ แสงแดดส่องลงผ่านหน้าต่างพร้อมกับเสียงโหวกเหวกพูดคุยจากด้านนอก ห้องเรียนเต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ว่างเปล่า เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เมลนอนลงบนแขนยามมองไปนอกหน้าต่างให้เวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย ใบไม้ที่ไหวไปตามลมและหลุดลงให้เขานึกถึงฤดูใบ้ไม้ร่วงอีกครั้ง เมลมองกองสมุดที่ตั้งไว้ตามชั้นก่อนที่จะหลับตาลงในห้องเรียนอุ่นๆ
“ฝากปลุกเราก่อนถึงคาบบ่ายด้วยนะ” เมลกล่าวกับดีนก่อนที่จะผล็อยหลับไป
เสียงตะโกนของดีนปลุกเขาขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน และนั่นก็เป็นเวลาเลิกเรียนเสียแล้ว
“ตื่นได้แล้ว” ดีนกล่าวพลางใช้มือทั้งสองข้างจับบ่าของเมลไว้และเขย่าไปมา “ไอแมทไปหยิบน้ำมาราดใส่มันหน่อย”
“เค” แมท เด็กหนุ่มผิวขาวซีดรูปร่างสูงกล่าว ก่อนที่จะหยิบขวดน้ำมาเขย่าและเตรียมที่จะบิดเกลียวเปิดฝาออก
“ตื่นแล้วๆ” เมลกล่าวอย่างงัวเงียก่อนที่จะหาวออกมา แมทนำมือมาขยี้ผมเมลอย่างอ่อนโยนก่อนที่ทั้งสามจะเดินออกจากห้องและลงบันไดไปด้วยกัน เมฆค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหากันบนท้องฟ้า เสียงดนตรีจากชมรมดุริยางค์ลอดผ่านประตูออกมา ก่อนที่จะถูกกลบด้วยเสียงรถยนต์ที่พลุกพล่านบนถนน
“ว่าแต่แมทบอกว่าต้องซื้อหนังสือหนิ ไปร้านหนังสือกันมะ” เมลถามขึ้นมา และทั้งสามก็ตกลงเดินไปด้วยกัน แมทหันมามองเมลก่อนที่จะเอียงตัวเข้ามากระซิบ
“ถ้าความฝันเมื่อคืนมีอะไรที่อยากบอก ไว้ทีหลังจะเล่าให้เราฟังก็ได้นะ” แมทกล่าว “ถ้ามันลืมยาก ก็ไม่ต้องพยายามลืมมันหรอก”
เมลพยักหน้าและใจฟูที่มีคนเข้าใจเขา ทั้งสามเดินไปตามแนวถนนจนถึงร้านหนังสือสภาพซอมซ่อแห่งหนึ่ง แมทเดินเข้าไปท่ามกลางชั้นหนังสือสูงตระหง่านบนพื้นไม้ที่มีเสียงดังเอี้ยดอ้าดทุกครั้งที่เขาเดิน ในขณะที่เมลกับดีนเดินไปที่โซนหนังสือการ์ตูน แมทซื้อหนังสือก่อนที่ทั้งสามจะเดินออกมาจากร้าน
“เดี๋ยวๆ” เมลทักขึ้น “หนังสือที่นายซื้อมานี่หนังสือเรียนหมดเลยหรอ นายเรียนเยอะไปรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่าหรอก เราซื้อมาดองไว้เฉยๆ” แมทโกหกแต่เมลและดีนดูออก “จริงๆนะ” เขาย้ำ แต่ผมยุ่งๆและรอยคล้ำใต้ตาของเขายิ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกเป็นห่วง
“นายไหวใช่มั้ย” เมลถาม
“อืม ก็ต้องไหวให้ได้” แมทกล่าว
“อย่าหักโหมละกันนะ” ดีนกล่าวและตบบ่าแมทเบาๆ ก่อนที่ทุกคนจะโบกมือลากัน ลึกๆแล้วเมลยังอยากอยู่กับทั้งคู่ต่ออีกซักพักแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา ระหว่างที่เมลค่อยๆเดินกลับบ้านในอีกทิศหนึ่ง เขาก็หันหลังกลับไปมองแมทและดีนที่ค่อยๆเดินไปอีกทาง ทุกก้าวที่ทั้งสองเดินจากไปทำให้เขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ในตอนนั้นเองแมทก็หันกลับมามองเขาเหมือนกัน แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนล้า เมลเข้าใจความรู้สึกของเขาทุกอย่าง ทั้งความอ่อนล้า ความหวัง และความโหยหา แสงแดดไม่เคยอบอุ่นขนาดนี้มานานแสนนาน เมลพยายามมอบแววตาของความหวังกลับไปให้ ถ้าเกิดวันนี้เป็นวันสุดท้ายบนโลกใบนี้ก็คงจะดี เมลคิด
~~~
“ตื่นได้แล้ว” ดีนกล่าว “ไปกันเถอะ”
เมลลืมตาขึ้นในยามบ่ายหลักเลิกเรียน เขาตื่นขึ้นในห้องเรียนที่แสนว่างเปล่าที่มีเขาและดีนอยู่ เขายังคงอยู่บนโต๊ะเรียนเดิมมาตลอดเวลาหลังเผลอหลับไป เมลใช้เวลาซักพักกว่าจะรู้สึกตัวว่าที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงความฝัน
“ไปที่ไหน” เมลถามขึ้นอย่างัวเงีย
“ไปที่นั่นอะ วันนี้วันครบรอบ 1 เดือนที่แมทมันตายไง”
คำพูดกระแทกลงจนเมลใจหายวาบ เขามองไปเก้าอี้ด้านข้างที่ว่างเปล่า ไม่มีขวดน้ำ กองหนังสือ หรือเด็กหนุ่มผิวขาวซีดที่เป็นเพื่อนเขาอีก ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเมลไม่สามารถทนรับทุกอย่างไว้ได้ไหว น้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มและหยดลงบนเสื้อ นิ้วของแมทที่เคยสัมผัสผมของเขาอย่างอบอุ่นยังคงเหลือร่องรอยที่เขาจำได้อยู่ สีหน้าของความอ่อนแอและความคิดถึงถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้นที่เขาเก็บเอาไว้มาแสนนาน เขานำมือกุมแน่นไว้ที่หน้าอกด้วยความเจ็บปวด ดีนเอามือลูบหลังของเขาช้าๆด้วยใบหน้านิ่งที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเข้าใจ เมลพยายามปัดน้ำตาของเขาออกและทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปด้วยกัน
แสงพระอาทิตย์ตกกระทบบนหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา เมลและดีนนั่งอยู่บนหญ้านั้นขณะที่มีเสียงจุดประทัดบรรเลงอยู่รอบๆ ทั้งคู่นั่งอยู่ท่ามกลางหลุมศพนับร้อยพันที่หนึ่งในนั้นมีเพื่อนของเขาอยู่
“เราฝันถึงมันอะ” เมลกล่าว “ฝันถึงวันนั้นที่เราสองคนพามันไปซื้อหนังสือที่ร้านเก่าๆนั่นอะ พึ่งผ่านมาไม่ถึงปีแต่รู้สึกนานเหมือนหลายสิบปีเลย ช่วงเวลานั้นโคตรมีความสุขเลยอะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้นายไหวมั้ย” ดีนถามด้วยความเป็นห่วง
“อืม ก็ต้องไหวให้ได้”
“ไม่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้ที่ตัวเองนะ” ดีนกล่าว ทั้งสองโบกมือลาก่อนที่ดีนจะถือกระเป๋าเดินจากไป “หลังจากนี้ถ้ารู้สึกไม่ดียังไง ก็เล่าให้เราฟังได้ทุกเรื่อง ทุกความฝันเลยนะ” เขากล่าวทิ้งท้าย
เมลรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แสงสีส้มลับขอบฟ้าไปพร้อมกับฝูงนกที่บินโฉบเฉี่ยวอยู่คู่ดวงดาว เขานั่งอยู่บนพื้นหญ้า แต่กลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนหาดทรายละเอียดที่มีลมอ่อนๆพัก เสียงคลื่นทะเลดังเป็นจังหวะแทรกด้วยเสียงนกที่บินผ่านเป็นครั้งคราว ผืนน้ำขนาดใหญ่ที่แสนว่างเปล่าสะท้อนสีท้องฟ้าจนไม่สามารถแยกออกได้ว่าเขาอยู่บนน้ำหรือลอยอยู่บนท้องฟ้า เขานำมือกุมทรายละเอียดพลางสูดอากาศ เมลปัดทรายที่กางเกงก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปของแมทและวางมันไว้ข้างๆ
“เราฝันถึงนายด้วยอะ” เมลกล่าว แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ
“ “
“พอไม่มีนายอยู่แล้วในกลุ่มเงียบลงเยอะเลย... ก็พวกเราเคยเป็นกลุ่ม 3 คนนี่นะ”
“ “
“คิดถึงเวลาที่มีนายอยู่ด้วยจัง จากเมื่อก่อนเคยได้เห็นอยู่ทุกวัน ตอนนี้กลับกลายเป็นความทรงจำล้ำค่าไปเลย รู้งี้ทุกวันก่อนเลิกเรียนเราคงจะรั้งนายไว้ จะได้อยู่กับนายให้นานกว่านี้”
“ “
“เราพยายามจะเข้มแข็งกว่านี้นะ นายไม่ต้องห่วงอีกแล้ว”
“อืม สำหรับเรา นายคือคนที่เข้มแข็งที่สุดแล้ว” แมทตอบกลับด้วยเสียงที่อบอุ่น เขาหันมามองเมลด้วยรอยยิ้มและสายตาที่คุ้นเคย เมลยิ้มและเอามือเข้าไปโอบกอดแมทด้วยเสียงสะอึกสะอื้น แมทกอดเมลเอาไว้แน่นเพื่อให้เขารู้ว่าโลกยังไม่สิ้นสุดลง ดีนค่อยๆเอามือปัดน้ำตาของเมลออกและทั้งคู่ก็มองไปบนท้องฟ้าด้วยกัน “นายไม่ต้องคุยกับรูปแมทบนโทรศัพท์อีกแล้วนะ” ดีนกล่าว หลังจากนี้คุยกับเราได้ทุกเรื่อง คิดซะว่าเราเป็นแมทก็ได้ ก็กลุ่มเราเป็นกลุ่ม 3 คนนี่นา
“ขอบใจนะ...” เมลกล่าวทั้งน้ำตา “สำหรับทุกอย่างเลย”
“วันนี้ทะเลสวยจังนะ” ดีนกล่าว และทั้งคู่ก็เผลอยิ้มออกมา คลื่นทะเลและหาดทรายในหัวของเขาค่อยๆถูกแทนที่ด้วยพื้นหญ้า แมทที่นั่งอยู่ข้างๆเขากลับกลายเป็นดีนอีกครั้งหนึ่ง เขาตื่นขึ้นจากความรู้สึกที่หลอกให้เขามีความสุข แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเหมือนครั้งก่อนๆ ช่องวางในใจของเขานั้น ที่จริงก็มีคนพยายามที่จะเติมเต็มมันมาตลอด พวกเราก็ต่างมีใครซักคนที่พยายามจะเติมเต็มช่องว่างในใจเรา เราอาจจะพบเขาแล้ว อาจจะกำลังตามหาเขาอยู่ หรือเขาอาจจะเป็นคนใกล้ตัวก็ได้ และนับตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เมลตื่นขึ้น เขาก็ไม่เคยร้องไห้เพราะความฝันอีกเลย
1+1 = 🤍
ความฝันบนทะเล (ฉบับย่อ)
จบบริบูรณ์
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ
*ทุกภาพ ถ่ายและดัดแปลงโดยครีเอเตอร์
🌊 🤍 🌊
ความคิดเห็น