อื่นๆ
ตั้งแคมป์บนเกาะหลอน

แมนกับเม่นรีบมุดเข้าเต็นท์ รูดซิบประตูเต็นท์และหน้าต่างอย่างมิดชิด และนั่งลงเบียดกับเปาที่เอาผ้าห่มมาคลุมหัวเอาไว้
"เป็นไงละ เห็นเหมือนกันใช่ไหม" เปาถามแมนกับเม่น "เม่นเห็นแต่ผมไม่เห็น ผมเห็นเม่นวิ่งมาผมจึงวิ่งกลับมาพร้อมกันนี่แหละ" แมนบอก
"ผมได้ยินเสียงเปาโวยวาย ผมจึงลุกขึ้นไปที่เต็นท์ของเปา แต่ผมเหลือบไปเห็นข้างหลังเต็นท์ของเปา ผมเห็นมีเงาดำทะมึนยืนอยู่ ผมยืนจ้องอยู่พักหนึ่ง เพราะต้องการดูให้แน่ใจว่า เงานั้นคืออะไร แล้วเงานั้นก็พูดขึ้นมาว่า พวกแกต้องตาย! แล้วกระโดดใส่ผม จนผมต้องวิ่งหนีตายกลับมานี่แหละ" เม่นเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังด้วยใจระทึก
"เงียบก่อนๆ" เสียงแมนพูดแทรกขึ้นมา ทุกคนแทบหยุดหายใจ และตั้งใจฟังเสียงที่อยู่นอกเต็นท์ เสียงที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงบางสิ่งบางอย่าง ย่ำลงกับพื้นทรายอย่างแรง ทั้งสามเดาได้เลยว่า สิ่งนั้นต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าร้อยกิโลกรัมแน่นอน เสียงนั้นเริ่มเข้าใกล้มาเรื่อยๆ และมาหยุดอยู่ที่หน้าเต็นท์ของพวกเขา ตอนนี้ทั้งสามคนแทบหยุดหายใจ ทุกคนจ้องมองไปที่ประตูเต็นท์เป็นตาเดียวกัน
Advertisement
Advertisement
แควก! เสียงเต็นท์ขาด พร้อมกับเล็บนิ้วมือของสิ่งที่อยู่ด้านนอกเต็นท์ทะลุเข้ามา เล็บอันแหลมคม ทำให้เต็นท์ไม่สามารถต้านทานไว้ได้ หลังคาเต็นท์จึงเปิดออก เชือกที่ดึงเต็นท์เอาไว้ก็ขาดลง ทั้งสามคนตอนนี้ หมดที่หลบซะแล้ว
ไปแล้วโว้ย! ทั้งสามพูดพร้อมกัน และวิ่งไปคนละทาง ด้วยความตกใจจนขาดสติ แมนจึงไม่ได้หยิบวิทยุ หรือ ไฟฉายติดตัวมาเลย เขามีแค่ไฟแช็คหนึ่งอันเท่านั้น แมนวิ่งไปหลบอยู่หลังก้อนหินริมหาด ทั้งเหนื่อยทั้งหอบ สายตามองไปรอบๆ ว่าผีตนนั้นยังตามเขามาอยู่ไหม เขามองไปกลางทะเล น่าแปลก ที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟจากเรือซักลำ อาจเป็นเพราะ 2 คืนก่อนมีพายุเข้าก็เป็นได้ แมนเริ่มนึกถึงวิทยุสื่อสารที่นายเรือให้เอาไว้ เขาจึงค่อยๆชะโงกหน้าขึ้นไปเหนือโขดหินเพื่อดูที่เต็นท์ว่า มีใครอยู่บ้าง
เมื่อสายตาของเขาโผล่ขึ้นเหนือโขดหิน ตาประสานตาก็จ้องมองกัน แต่ติดตรงที่ตาที่จ้องมองกับแมนนั้นแดงก่ำและเบิกโพลง ใหญ่โตผิดมนุษย์มนา
Advertisement
Advertisement
แมนตัดสินใจวิ่งต่อทันที เขาวิ่งไปตามชายหาด เพราะบริเวณชายหาดไม่มีร่มไม้บังแสงจันทร์ และทรายสีขาวทำให้พอมองเห็นทางอยู่บ้าง
เม่นและเปา วิ่งมาหยุดที่ซากต้นไม้ใหญ่ ที่ล้มขวางระหว่างหาดทรายกับน้ำทะเล ทั้งสองเหนื่อยหอบแทบขาดใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่าเขาวิ่งกันออกมาไกลจากเต็นท์แค่ไหน และตอนนี้แมนเป็นยังไงบ้าง ทั้งสองนอนหมอบให้ต่ำกว่าระดับของท่อนไม้ที่ล้มลงเพื่อหลบผีตนนั้น
"เอาไงดีวะไอ้เปา มันตัวอะไรกันแน่วะ?" เม่นพูดพลางหอบแฮกๆ "ไม่รู้ดิ แล้วแมนก็ไม่รู้ไปไหนแล้วเนี้ย ผมว่าตามหาแมนก่อนดีไหม" เปาพูดพรางมองไปรอบๆ
"เอางี้ ไอ้เปา แกมองข้างหลังเดี๋ยวผมมองทางข้างหน้าเอง เราต้องกลับไปเอาวิทยุสื่อสารที่เต็นท์กับไฟฉาย เพื่อตามหาแมน และขอความช่วยเหลือ" พูดเสร็จทั้งคู่ก็หันหลังชนกันและเดินหันข้างแทนที่จะหันหน้าไป การเดินแบบนี้ ทำให้ทั้งคู่มองเห็นทุกอย่างได้รอบทิศ
Advertisement
Advertisement
ทั้งคู่เดินกลับไปที่ตั้งเต็นท์เอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะถึงเต็นท์ ไอ้เปาก็หยุดเดินพร้อมกับดึงเสื้อเม่นไว้จนเกือบขาด "อะไรของแกวะเปา?" เม่นถาม
เปาจึงชี้ให้มองที่พื้นทราย ตรงที่เขาย่ำลงไป "เฮ้ย!!!!" ไอ้เม่นร้องเสียงหลงพร้อมกับวิ่งทิ้งไอ้เปาไว้ทันที เมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือ มืออันใหญ่และดำกร้าน ผิวหนังหุ้มกระดูก จับขาของเปาเอาไว้ ความใหญ่ของมือดำทะมึนนั้นเปรียบเสมือน มือคนที่กำขาไก่ทอดอยู่ก็ไม่ปาน
"ปล่อย ๆ ปล่อยสิวะ" เสียงเปาร้องแบบทั้งขอร้องทั้งขู่ แต่มือนั้นกลับยิ่งดึงให้เขาจมลงไปในทรายลงเรื่อยๆ ขาของเปาจมลงไปในทรายทั้งสองข้างจนถึงระดับหัวเขา ไม่ว่าเปาจะใช้มือทุบตีมือผีตนนั้นแรงแค่ไหน มันก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
เม่นวิ่งมาถึงเต็นท์ที่ขาดวิ่นเพราะความคมของเล็บผีตนนั้น เขารื้อหาวิทยุสื่อสารและไฟฉายอย่างลนลาน "เจอแล้วโว้ย!" เม่นดีใจมาก เปิดไฟฉายแล้วหันหลังกลับไปดูไอ้เปา ภาพที่เขาเห็นคือ ไอ้เปากำลังจะจมลงไปในพื้นทราย ตอนนี้ไอ้เปามีแค่หัวเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมา "เอาไงดีวะ แมนก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน ไอ้เปาก็กำลังแย่ แล้วเราจะช่วยทั้งสองได้ยังไง" แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือมาแตะที่บ่า "โถ่! ไอ้แมน ตกใจหมด" นายมาก็ดีแล้ว เราไปช่วยไอ้เปากันก่อน แมนพยักหน้าทั้งคู่ก็วิ่งไปที่เปาทันที ทั้งสองดึงมือเปากันคนละข้าง "เอ้า! ออกแรงหน่อย" แมนหันมาบอกเม่นที่กำลังดึงแขนไอ้เปาแบบสุดกำลัง "ช่วยผมด้วย! อย่าปล่อยผมนะ" เปาบอกทั้งสอง "เอางี้ เม่นติดต่อนายเรือโดยด่วนเลย เดี๋ยวผมจะยื้อดึงแขนเปาไว้เอง พร้อมนะ!" เม่นพยักหน้ารับคำสั่งของแมน แล้วเม่นก็ปล่อยมือเปาแมนคว้าแขนเปาไว้ทั้งสองข้างทันที "นายเรือๆ นี่ผมเม่นครับ ได้ยินแล้วตอบด้วย" เม่นพูดผ่านวิทยุสื่อสารที่นายเรือให้ไว้ด้วยเสียงสั่นคลอน "รับทราบๆ ได้ยินแล้ว พวกคุณมีเรื่องอะไรรึ" เสียงนายเรือตอบกลับ เหมือนดังเสียงสวรรค์ที่ทั้งสามได้ยิน
"มารับพวกผมด่วน พวกเราถูกผีตามฆ่า" เม่นพูดจบ วิทยุสื่อสารที่อยู่ในมือก็โดนกระชากออก ไอ้ผีตนนั้นขว้างวิทยุสื่อสารลงน้ำทะเลไปทันที และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่แมนใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ ดึงเปาขึ้นมาจากทรายได้สำเร็จ เมื่อเม่นเห็นดังนั้น จึงบอกทุกคนให้วิ่ง
ทั้งสามวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงซากเรือร้าง "พักกันก่อนโว้ย! ผมไปต่อไม่ไหวแล้ว ขอพักซักแปปหนึ่งนะ" เม่นบอกพร้อมทิ้งตัวลงนอนกลางพื้นทราย แมนกับเปานั่งลงที่พื้นทรายพร้อมกัน "เป็นไงมั่งวะเปา เลือดนายออกที่ขาเยอะเลย" แมนหันมาถามเปาเพราะเห็นว่าเลือดที่ขาเปาออกไม่ยอมหยุด "ไม่เท่าไหร่หรอก เลือดออกแค่นี้ดีกว่าจมลงไปในพื้นทรายนั้น ขอบคุณแมนมากเลยที่ดึงผมขึ้นมา" แมนยกนิ้วโป้งเหมือนกดไลค์ให้เปา แล้วหันไปหอบแฮกๆต่อ
"พวกเราอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เพราะเดี๋ยวนายเรือมา เขาจะหาเราไม่เจอ" เสียงเม่นที่นอนหมดแรงอยู่บนทรายบอกทั้งสอง
"ใช่ แต่ถ้ากลับไป เราก็ต้องเจอกับไอ้ผีตนนั้นอีก" "แล้วครั้งนี้เราอาจจะไม่รอดก็ได้" แมนพูดขัดขึ้นมา
ทั้งสามหยุดคิดกันชั่วครู่ วิทยุสื่อสารก็โดนขว้างตกน้ำ ไฟฉายก็มีกระบอกเดียว ตอนนี้กี่โมงกี่ยามก็ไม่รู้ ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังคิดหาทางรอด ก็มีเสียงเรือแว่วเข้ามา
"รอดแล้วโว้ย!" แมนตะโกนบอกเพื่อนๆ "เราต้องกลับไปที่เดิม ไม่งั้นนายเรือจะหาเราไม่เจอ" แมนดึงแขนเพื่อนทั้งสองให้ลุกขึ้น
"ไปก็ไปวะ พวกเรารวมกันสามคน ต้องทำอะไรมันได้บ้างละ" เม่นพูดจบ ก็เดินหาไม้ที่ซากเรือเก่าๆที่เขาใช้เป็นที่หลบผีตนนั้น "เอาเอาไม้ไปคนละท่อน มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี" เม่นส่งไม้ให้แมนและเปาคนละท่อน จากนั้นทั้งสามก็เดินกลับไปที่ๆนัดกับนายเรือไว้
"พร้อมใจกันมาตายแล้วเรอะ!" เงาดำทะมึนนั้นโผล่ออกมาขวางทางทั้งสามคนเอาไว้ ร่างของมันสูงเกือบ 5 เมตร ดำกว่าความมืด ตาเป็นสีแดง ไม่มีริมฝีปาก จึงทำให้เห็นฟันผุๆครบทุกซี่ ร่างกายของมันมีหนอนไต่ยั้วเยี้ย น่าสะอิดสะเอียดยิ่งนัก "ทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย พวกเราไปทำอะไรให้?" แมนกลั้นใจถามผีตนนั้นออกไป "ข้าอยู่ที่นี่มานานแล้ว และพวกแกคืออาหารของข้า" ผีตนนั้นพูดพร้อมเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้น "นายเรือ" ทั้งสามพูดพร้อมกัน "รีบวิ่งมานี่เร็ว ไอนั้นมันเป็นอสูรกาย" นายเรือพูดพร้อมกับโบกมือให้ทั้งสามวิ่งมา
"ไอ้ตัวนี้ มันไม่ใช่ผีสางนางไม้อะไรหรอก มันเป็นอสูรกาย ทุกๆ 11 ปี มันจะออกมาหากินตลอด 3 วันที่มันฟื้นขึ้นมา ไม่ว่ากระสุนปืน ระเบิด ไฟ ก็ฆ่ามันไม่ได้ วันนี้วันที่สามพอดี เดี๋ยวรุ่งเช้ามันก็จะกลับไปซ่อนตัวเหมือนเดิม และเมื่อครบ 11 ปีข้างหน้า มันจะกลับมาใหม่ พร้อมแรงอาฆาตที่ทวีคูณมากกว่าเดิม ถ้าถึงเวลานั้น ใครก็ตามที่เข้ามาเกาะนี้ คงรอดออกไปได้ยาก ไปกันเถอะ ก่อนที่มันจะรู้สึกตัว กระสุนนั้น ทำได้แค่หยุดมันชั่วครู่เท่านั้นเอง" พูดจบ นายเรือก็วิ่งไปขึ้นเรือที่สตาร์ทรอไว้ริมทะเล ทั้งสามคน แมน เม่น และเปา ไม่ได้เก็บสัมภาระใดๆทั้งสิน เขาทิ้งมันไว้ที่เกาะแห่งนั้น และไม่เคยคิดกลับมาที่เกาะแห่งนั้นอีกเลย
ความคิดเห็น






