อื่นๆ

อยากให้ช่วย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อยากให้ช่วย

หมู่บ้านชนบท ค่อนข้างอยู่ไกลความเจริญ ไม่มีซุปเปอร์มาเก็ต ไม่มีสถานบันเทิง แม้กระทั้งเวลาจะเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ ยังต้องซื้อแบบเป็นขวดแทนการไปเติมที่ปั๊ม เพราะปั๊มน้ำมันอยู่ไกลมาก แต่ยังโชคดี ที่มีร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อยู่หนึ่งร้าน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น เพราะถ้าเกิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย แล้วต้องนำไปซ่อมในเมือง ชาวบ้านคงไม่สะดวกนัก

ช่างโอ เป็นช่างซ่อมประจำร้านและเจ้าของร้านซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียว และสามารถซ่อมได้แทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับไฟฟ้า และ เทคโนโลยี จึงทำให้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา เพราะงานซ่อมบางชิ้น ถึงจะหาอะไหล่ไม่ได้ เขาก็ดัดแปลงจน จนสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นอย่างดี อีกอย่างคือ แม้แต่วันอาทิตย์ เขาก็ไม่เคยหยุดเลยซักครั้ง...

หน้าร้อนของวันอาทิตย์ เหมือนเช่นเคย ลูกค้าประจำ ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านช่างโอในช่วงเวลาสี่โมงเย็น

Advertisement

Advertisement

นายช่างอยู่มั๊ย? เสียง ไอ้หมึก ตะโกนเรียกช่างโอ ที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่หลังบ้าน

ว่าไงหมึก ช่างโอตอบพร้อมเดินมาหา

นายช่างช่วยไปดูไฟฟ้าบ้านตาจันให้ผมหน่อย แกไม่มีไฟฟ้าใช้มาเป็นเดือนละ แกเกรงใจ ไม่ยอมขอให้ใครช่วย พอดีผมผ่านไปแถวนั้น เห็นบ้านแกมืดสนิทมีแต่แสงเทียน สงสารแกครับ แก่แล้ว สายตาก็ไม่ค่อยดี ดันต้องมาทนอยู่บ้านมืดๆอีก หมึกบอกช่างโอ พร้อมกับเดินมาหิ้วกล่องเครื่องมือของช่างโอไปใส่ไว้ในตระกร้ามอเตอร์ไซค์

ได้ๆ เดี๋ยวผมปิดร้านก่อนนะ ช่างโอบอกหมึกพร้อมกับปิดประตูล็อคกุญแจร้าน และซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หมึก พร้อมเดินทาง...

ระหว่างทางไปบ้านตาจัน เป็นถนนลูกรัง มีหญ้ารกทึบสองข้างทาง สลับกับต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ นานๆที จะเจอบ้านเรือนของคนในหมู่บ้านซักหลัง เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว อากาศตอนกลางวันช่างร้อน พอตกตอนเย็นก็หนาวเหน็บ ด้วยความรีบ กลัวจะมืดค่ำ ทำให้ช่างโอลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ร้านของเขา แต่ยังโชคดี ที่หมึกมีโทรศัพท์มือถือพกติดตัวมาด้วยตลอด แม้ว่าจะเก่าแล้วก็ตาม...

Advertisement

Advertisement

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก็ถึงบ้านตาจัน บ้านของตาจัน อยู่ในซอยเล็กๆ พอดีสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ 1 คนเท่านั้นที่สัญจรได้ และอยู่ห่างจากถนนลูกรังที่ช่างโอกับหมึกขี่มอเตอร์ไซค์แยกเข้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร

หวัดดีครับตาจันหมึกและช่างโอยกมือไหว้ตาจันวัย 70 ที่นั่งก่อกองไฟไต้ถุนบ้านอยู่คนเดียว ตาจันหันมามองพร้อมถามว่าพวกเรามีธุระอะไรเหรอ หมึกจึงบอกว่าจะมาช่วยซ่อมไฟฟ้าให้ ตาจันจึงบอกว่า แกไม่มีเงินจ้างนะ ลำพังซื้อข้าวสารกรอกหม้อยังไม่พอเลย พร้อมทั้งยกถังใส่ข้าวสารมาครอบหัวแกเอง เพื่อให้ทั้งสองเห็นว่าไม่มีข้าวสารจริงๆ หมึกกับช่างโอหัวเราะ และบอกพร้อมกันว่า พวกผมมาทำฟรีๆครับ...

ก่อนอื่น เราต้องตรวจดูฟิวส์ที่สะพานไฟหลักของบ้านก่อนว่า มีการลัดวงจรหรือชำรุดหรือเปล่า ว่าแต่ สะพานไฟหลักของบ้านอยู่ตรงไหนครับตาจัน

Advertisement

Advertisement

ตาจันชี้ไปทางซ้ายมือแล้วบอกว่า โน้นเลย เดินฝ่าดงหญ้าคาไปเรื่อยๆ ประมาณ 60 เมตร จะเจอศาลาเล็กๆอยู่ตีนเขาโน้นเลย เมื่อได้ยินตาจันบอก หมึกกับช่างโอจึงถือกล่องเครื่องมือ และเดินไปตามทางโดยเร็ว เพราะตอนนี้ เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขืนชักช้า อาจจะมืดค่ำแล้วจะทำกันลำบาก

ทั้งสองเดินมาประมาณ 60 เมตร ก็เจอศาลาตามแบบที่ตาจันบอกจริงๆ สภาพศาลาเก่ามาก ลักษณะเหมือนที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่ หรือ เคยเป็นที่ไว้เก็บอะไรซักอย่างของคนสมัยโบราณ ดูจากอายุศาลา น่าจะเก่าแก่พอๆกับตาจันเลยทีเดียว แต่เนื่องจากความรกทึบของต้นไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และขณะนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 1 ทุ่มแล้ว ทำให้บริเวณศาลาและจุดที่หมึกกับช่างโอยืนอยู่นั้นมืดเหมือนตอนเที่ยงคืนไม่มีผิด ช่างโอจึงต้องอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของหมึกเพื่อนำทาง  เพื่อที่จะหาสะพานไฟหลักของบ้าน ว่าอยู่ตรงไหน ช่างโออยากให้งานเสร็จไวๆ จึงรีบเดินนำหน้าไปก่อน แต่ยังไม่ทันที่ช่างโอจะเข้าไปในศาลา หมึกก็บอกว่าปวดปัสสาวะขึ้นมากระทันหัน พร้อมทั้งหันหลังวิ่งไปอย่างเร็ว ช่างโอก็แปลกใจว่าหมึกจะปวดอะไรขนาดนั้น เมื่อกี้เห็นยังเดินดีๆอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ช่างโอจึงเดินเข้าไปในศาลาคนเดียว

ด้วยความเก่าของโทรศัพท์มือถือ ทำให้แสงไฟส่องสว่างได้ไม่มากนัก ช่างโอจึงชูโทรศัพท์มือถือขึ้นจนสุดมือ แล้วไล่ส่องไปตามเสาไม้ของศาลา

เสาต้นแรกผุมาก เสาต้นที่สองก็ไม่มีสะพานไฟหลัก ช่างโอบ่นงึมงำคนเดียว แสดงว่าต้องอยู่เสาที่สะ! สะ! สะ! สะ! สามช่างโอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดอ่าง เหงื่อบนใบหน้าหยด มือเริ่มสั่น ขาเริ่มแข็ง เมื่อแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องไปกระทบเข้ากับขาของใครบางคนซึ่งลอยอยู่เหนือพื้น สูงเท่าระดับหัวของช่างโอช่างโอกัดฟันตัดสินใจ ส่องแสงไฟโทรศัพท์มือถือให้สูงขึ้นจนถึงหลังคาของศาลา ไอ๋หยา!!!! เสียงช่างโอร้องออกมา พร้อมกับตะโกนสุดเสียงเรียกหมึก...ไอ้หมึก ไอ้หมึก ไอ้หมึกโว้ย! แต่ไร้วี่แววไอ้หมึก...

ด้วยความกลัวจนขาแข้งขยับไม่ได้ ก้าวขาไม่ออก หรือเป็นเพราะความสงสัยนิดๆ ช่างโอจึงกลั้นใจ หันแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องไปที่ขาที่ห้อยอยู่ที่เสาอีกครั้ง ทำให้เขาเห็นเต็มๆตาว่า ขาที่ห้อยอยู่นั้น เป็นขาของผู้หญิงวันรุ่น ผูกคอตายในสภาพสวมเสือกีฬาสีแดงกางเกงวอร์มขายาวสีดำ ตาถลน และส่งยิ้มมาให้เขา และหัวเราะเบาๆ ในมือของผู้หญิงคนนั้น กำกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น เมื่อเห็นเต็มๆตาแบบนั้น ช่างโอจึงตั้งสติอีกรอบ แล้วหันหลังวิ่งออกมาจากศาลาแบบลืมหายใจ ล้มบ้าง ชนต้นไม้บ้างด้วยความมืด วิ่งไปได้ซักพักหนึ่ง จนเหนื่อยหอบ จึงได้หยุดเอาหลังพิงต้นไม้เพื่อพักหายใจ ช่างโอหายใจหอบเหมือนคนจมน้ำอยู่พักใหญ่ เขาจึงเริ่มๆสังเกตุว่า จุดที่เขายืนอยู่ มันไม่ใช่ทางกลับไปที่บ้านตาจันนี่นา แล้วเขาอยู่ที่ไหนกันนี่ในตอนนี้ รอบตัวก็มีแต่ความมืด แสงจากโทรศัพท์มือถือก็ดับลงเพราะแบตเตอรี่หมด ไอ้หมึกก็ไม่รู้หายไปไหน จะทำยังไงดีละทีนี้ ช่างโอนึกในใจ ก่อนที่จะใช้มือคลำไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เดินไปชนต้นไม้...

ทั้งเหนื่อยและเมื่อยขา ทุกอย่างก็มืดมิด แถมต้องมาอยู่ในที่ๆไม่รู้จัก ตอนนี้ช่างโอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นลม เขาได้แต่ภาวนาว่าผีตนนั้นอย่าได้ตามเขามาเลย และแล้ว ความหวังสุดท้ายก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า เมื่อช่างโอเหลือบไปเห็นแสงไฟจากบ้านคนอยู่ห่างไปประมาณ 100 เมตร ไม่ผิดแน่ นั้นต้องเป็นบ้านคนชัวร์ ช่างโอเร่งฝีเท้าเดินฝ่าดงหญ้าตรงไปที่แสงไฟนั้นทันที เมื่อไปถึง เขาก็โล่งใจ เพราะเป็นบ้านคนจริงๆ สภาพบ้านที่เขาเห็น เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว แต่สภาพใหม่ เขาจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูบ้าน "ขอโทษครับ มีใครอยู่ไหมครับ ผมมาทำไฟฟ้าบ้านตาจันแต่เกิดหลงทางครับ" สิ้นเสียงของช่างโอ เจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมาพร้อมมีดดาบยาวเกือบเมตร ช่างโอจึงพูดกับเจ้าของบ้านต่อไปว่า พี่ไปส่งผมหน่อยได้ไหมครับ ผมหลงทางมา ผมกลับทางเดิมไม่ถูกครับ เมื่อพูดจบ เจ้าของบ้านก็รีบปิดประตูทันที ปล่อยให้ช่างโอยืนงงอยู่หน้าบ้านคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่ช่างโอจะพูดอะไรต่อ เจ้าของบ้านก็ตะโกนออกมาว่า   "ช่างโอเข้ามาได้คนอื่นห้ามเข้านะเราไม่อนุญาต" เมื่อช่างโอได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรตามเขามาแน่นอน เขาตัดสินใจหลับตา กระโดดสุดแรงพลักประตูบ้านเข้าไปแล้วรีบปิดประตูอย่างเร็ว เจ้าของบ้านวิ่งมาประคองช่างโอแล้วเอาพระมาคล้องคอให้ พร้อมทั้งบอกว่าคืนนี้พักที่นี่แหละ ไม่ต้องเล่าอะไรทั้งนั้น

รุ่งเช้า ช่างโอ! ช่างโอ! ช่างโอ! เสียงเจ้าของบ้านเรียก ช่างโอรู้สึกตัวพร้อมอาการมึนงง เพราะตอนนี้รอบตัวเขามีทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 คน และไอ้หมึกกับตาจัน ยืนล้อมเขาอยู่ "ไอ้หมึก" ทำกันได้นะแก คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว ไอ้หมึกยิ้มแห้งๆ พร้อมกับบอกว่า ตอนที่มันบอกว่ามันปวดปัสสาวะ มันเห็นผีผู้หญิงผูกคอตายก่อนช่างโอซะอีก แต่ผีผู้หญิงที่ผูกคอคนนั้น หันมามองหน้าเขา แล้วส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองไปทางช่างโอ เหมือนกับจะบอกไอ้หมึกว่า ห้ามบอกช่างโอนะ ไอ้หมึกจึงไม่กล้าที่จะพูด แล้วคืนนั้น เขากับตาจันก็ออกตามหาช่างโอแล้ว แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ไอ้หมึกจึงตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปหาเจ้าหน้ากู้ภัยเพื่อมาช่วยกัน แต่รถมอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมดันเสียกลางทาง เขาจึงต้องเข็ญรถเดินต่อไปเป็นเวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดที่เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ และกว่าจะเตรียมตัวกันเสร็จ และกว่าจะได้เดินทางมา ก็เช้าอย่างที่เห็นนี่แหละ เมื่อทำความเข้าใจกันแล้ว ทั้งหมด จึงเดินทางไปยังศาลาต้นเหตุ...

เมื่อไปถึงศาลา ทุกคนกลับไม่พบอะไรเลย ทำให้ไอ้หมึกกับช่างโอ หมดคำที่จะอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฝากไว้แต่รอยแผลที่โดนหญ้าบาดจนเลือดซิบๆเต็มตัวไปหมด เจ้าหน้าที่ทุกคน และตาจันจึงขอตัวกลับ ทิ้งให้ไอ้หมึกกับช่างโออยู่ที่ศาลานั้นกันสองคน และด้วยความรับผิดชอบที่มีจนเปี่ยมล้นในตัวช่างโอ เขาจึงบอกว่าจะทำไฟฟ้าให้เสร็จ เพราะตอนนี้เป็นตอนกลางวัน คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเมื่อคืน ช่างโอเดินไปที่เสาที่มีสะพานไฟหลักของบ้าน และถอดฝาครอบฟิวส์ออก ปรากฎว่า มีกระดาษแผ่นหนึ่งขวางระหว่างฟิวส์กับขาสะพานไฟที่เชื่อมต่อไปยังบ้านตาจัน จึงทำให้กระแสไฟไปไม่ถึงที่บ้านตาจัน

ช่างโอหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู และเขาก็จำได้ว่า กระดาษแผ่นนี้เหมือนกับกระดาษที่อยู่ในมือผีผู้หญิงผูกคอตนนั้นมาก ในกระดาษมีข้อความเขียนไว้ว่า "เสากลางของบ้านช่างโอ"

มันหมายความว่าอะไรกันแน่ โปรดติดตามตอนต่อไป

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์