อื่นๆ
เรื่องสั้น "หนี้....สามพัน"

เครดิตรูปภาพหน้าปก : ภาพโดย RyanMcGuire จาก Pixabay
ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ' ทรงยศ ' ถึงแม้จะไม่สนิทสนมถึงขั้นเรียกได้ว่าเพื่อนรัก แต่เรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน จบม.ต้น ก็เข้าเรียนที่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง ห่างจากบ้านเกิดของเราสองคนหลายร้อยกิโลเมตร ผมก็เลยต้องมาเช่าหอพัก ส่วนทรงยศก็ไปอาศัยอยู่กับญาติ
ผมกับทรงยศไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะเรียนกันคนละแผนก นานๆ ทีเจอกับเขา ก็ทักทายถามไถ่ทุกข์สุขตามประสาเพื่อนเก่า
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
แต่แล้ววันหนึ่งทรงยศเขาแวะมาหาผมที่หอพัก ก่อนจะชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านข้าวแกงแห่งหนึ่ง หลังจากเช็กบิลโดยที่เขาอาสาเป็นคนจ่ายเอง ทรงยศก็เอ่ยปาก
Advertisement
Advertisement
"บอย มีเงินให้ข้ายืมหน่อยไหม สักสามพัน"
คำพูดของเขาทำให้ผมชะงักไปชั่วครู่ เพราะตลอดชีวิตของผมที่ผ่านมาไม่เคยให้ใครยืมเงินแม้แต่ครั้งเดียว เคยเลิกกับแฟนสาวสองหนเพราะหล่อนชอบยืมเงินผมแล้วไม่ยอมคืน ทรงยศเองก็เคยพยายามยืมเงินผมมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยได้ ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนที่แล้งน้ำใจ แต่เพราะฐานะทางบ้านของผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก เป็นแค่ชาวสวนชาวไร่พ่อแม่จึงสอนให้ผมรู้จักประหยัด อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย และย้ำหนักหนาว่าอย่าให้ใครยืมเป็นอันขาด
"ไม่มีหรอก เงินตั้งสามพันข้าจะเอาที่ไหนมาให้ ไหนจะค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเช่าหอพัก ค่าน้ำค่าไฟ" ผมพยายามหาเหตุผลมาอ้าง
"ข้าเดือดร้อนจริงๆ ขอข้ายืมหน่อยสิ สักสองพันห้าก็ยังดี" เขาต่อรอง
"ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มีเงิน"
"งั้นแสดงว่าถ้ามีแกจะให้ข้ายืมใช่ไหม"
Advertisement
Advertisement
" เออ ถ้ามีเงินข้าให้แกยืมแน่" ผมรีบตัดบท
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
ทันใดนั้น ชายหนุ่มร่างผอมสูงก็ส่งสายตาเป็นประกายก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ หูของผม
"งั้นรีบเอาเงินมาให้ข้ายืมเลย เพราะได้ข่าวว่าแกถูกรางวัลเลขท้ายสามตัวหลายใบ"
ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะไม่ได้บอกใครถึงเรื่องนี้ เพื่อนๆ ในวิทยาลัยก็ไม่มีใครรู้ นอกจากลุงโกร่งพ่อค้าร้านขายของชำหน้าปากซอย ที่ผมเอาลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินรางวัลกับแก ใช่ ต้องเป็นแกแน่ๆ เพราะแกชอบปากโป้ง ชอบเอาเรื่องของลูกค้ามาพูดให้คนอื่นฟังอยู่เสมอ
"แกจะเอาเงินไปทำอะไร หรือเอาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ใช่มั้ย แกจะซื้อใหม่ทำไม ของเก่ามันก็ใช้ได้ดีอยู่"
วิธีการของผมได้ผลเพราะผมรู้ดีว่าทรงยศบ้าโทรศัพท์ รุ่นไหนออกใหม่เป็นต้องรีบจับจองเป็นเจ้าของตลอด
Advertisement
Advertisement
ทรงยศหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเป็นโทรศัพท์ที่เขาเคยบ่นให้ผมฟังตลอดว่าทนใช้ไม่ไหวแล้ว อยากเปลี่ยนเครื่องใหม่ จนกระทั่งในขณะนั้นเจาทำในสิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อ โดยแกล้งทำโทรศัพท์หลุดมือตกลงบนพื้นคอนกรีตจนชิ้นส่วนหลุดกระจายออกมา นี่ถ้าเขาไม่เกรงใจเขาคงเหยียบซ้ำแน่ๆ
"อุ๊ย ตายแล้วโทรศัพท์ข้า รุ่นนี้ไม่มีอะไหล่ด้วย สงสัยต้องซื้อใหม่"
มันพูดพร้อมส่งสายตามาที่ผมเหมือนจะบอกว่านี่แหละคือเหตุผลที่สามารถยืมเงินผมได้แล้ว
"แกสบายใจได้ข้าคืนเงินแกแน่"
เป็นคำพูดหลังจากผมให้เงินกับเขาสามพันบาท เวลาผ่านไปนานเข้าสามเดือน ก็ไม่เป็นอย่างที่เขารับปากเอาไว้ เพราะเขาจะยังไม่ยอมคืนเงินผม แม้แต่บาทเดียว คิดว่าคงไม่ได้คืนแน่นอน
ระหว่างผ่านวงเหล้าของขาใหญ่ประจำซอย ผมก็คิดแผนการอะไรบางอย่างได้ จึงเดินจังก้าเขาไปหาพวกนั้น ก่อนจะตะโกนด้วยน้ำเสียงสุดยียวน
"แถวนี้ใครใหญ่บ้าง"
................................................
และแล้วแผนการของผมก็ได้ผล ทรงยศยอมคืนเงินทุกบาททุกสตางค์ เพราะเชื่อว่าผมต้องการใช้เงินเพื่อรักษาตัวจาการบาดเจ็บ พอผมรักษาตัวให้หายดีปกติแล้ว แต่เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ เมื่อทรงยศเขากลับมาหาผมอีกครั้ง
"บอย ได้ข่าวว่าไปช่วยอาจารย์รับงานนอกได้เงินมาเยอะไม่ใช่เหรอ ขอยืมเงินสักสามพันสิ"
"ใช่ แต่แกจะเอาเงินไปทำอะไร ถ้ามีเหตุผลพอข้าอาจใจอ่อนให้แกยืมก็ได้ แต่ถ้าเอาไปซื้อโทรศัพท์ หรือของไร้สาระฟุ่มเฟือย ข้าคงต้องขอปฏิเสธ"
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย SplitShire จาก Pixabay
ทรงยศทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ยอมแพ้ผมง่ายๆ ไม่นานเขาก็กลับมาหาผมอีกครั้งเดินกะเผลก แขนขามีแผลถลอกเต็มไปหมด
" เมื้อกี้ข้าขี่รถมอเตอร์ไซค์แล้วล้มคว่ำไปเฉยๆ แกดูอาการข้าสิ สงสัยขาจะหักว่ะ ให้ข้ายืมเงินไปรักษาตัวหน่อยนะ นะ" เขาทำเสียงเศร้า แต่ผมเศร้ากว่าเพราะต้องจำใจควักเงินสามพันในกระเป๋าสตางค์ส่งให้เขา
จู่ๆ ผมก็นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากภาพยนตร์หรือละครเรื่องอะไร แต่ว่ามันน่าจะตรงกับเรื่องราวระหว่างเราสองคนมากที่สุด
เรื่องนี้มันไม่จบลงง่ายๆ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "การที่เรายืมเงินเพื่อนหรือใครสักคนที่คุณรู้จัก เราควรที่จะมีมารยาทในการยืมด้วยนะครับ ยืมแล้วก็ต้องคืน ยืมเฉพาะเหตุจำเป็น เพราะถ้าสักวันหนึ่งเราลำบากจริงๆ และจำเป็นจะต้องใช้เงินส่วนนั้นขึ้นมา เพื่อนหรือคนที่คุณรู้จักก็จะสามารถเข้ามาช่วยเหลือคุณได้ ในวันที่เราไม่มี โดยไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ และถ้าคุณต้องการรับมือกับคนที่ชอบยืมแต่ไม่ค่อยจะคืน อันดับแรกคือให้เวลากับเขาไปก่อน และพยายามทวงถามบ้างแต่ไม่ควรบ่อยนัก หรือลองถามเขาว่าสามารถแบ่งจ่ายให้กับคุณได้ไหม วันละนิดทีละน้อยก็ยังดี และพยายามพูดกับเขาด้วยเหตุผลว่าคุณจำเป็นต้องใช้เงินนั้นๆ เช่นเดียวกัน เพื่อให้เขาพยายามกระตือรือร้นในการคืนเงินให้กับคุณได้"
ความคิดเห็น






