อื่นๆ
ทำไมต้องเกิด 15 สิงหาคม

ภาพโดย Karin Henseler จาก Pixabay
เรามักจะได้ยินกันมาตั้งแต่เล็กๆเวลาผู้ใหญ่สอน "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งพวกเราที่เป็นชาวพุทธก็จะถูกปลูกฝังกันมาอย่างนี้จากรุ่นสู่รุ่น แต่ก็ไม่เคยมีใครมายืนยันได้ว่าจะเป็นจริงดั่งคำสอนที่ว่าหรือไม่ จนบางคนมักจะพูดว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป"
ศาสนาพุทธสอนให้คนทำความดี สอนให้มีจิตใจเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ร่วมโลก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ดี แต่ก็ไม่ได้สอนให้คาดหวังว่าเราจะได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนกลับมาหรือไม่อย่างไร ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกปลูกฝังมาอย่างนั้น ยึดหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง โดยไม่คาดหวังกับผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นไร รู้แค่ว่าเมื่อเราปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตคือความอิ่มเอมในหัวใจ ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราก็จะรู้สึกเป็นสุข ทุกข์ได้ ผิดหวังได้แต่ก็พร้อมตั้งรับกับมันด้วยความเต็มใจ แต่เชื่อเถอะค่ะ หากเราคิดดีทำดีแล้วสิ่งอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม หมั่นทำความดี คิดดี ปฎิบัติดี กรรมดีก็จะย้อนมาหาเราอย่างแน่นอนค่ะ
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย Boris Gonzalez จาก Pixabay
ในปี พ.ศ. 2538 ซึ่งในขณะนั้นดิฉันอายุ 32 ปี กำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 คืนหนึ่งดิฉันฝันว่ามีคนเข้ามาขโมยกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ (รุ่นบุกเบิก) และพระพุทธรูปบนหิ้งพระไป ในฝันรู้สึกเสียใจอย่างรุนแรงเพราะทั้ง 3 สิ่งที่ว่านี้สำคัญกับดิฉันมาก ในฝันดิฉันได้กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์คืนมา ยินดีอยู่กับสิ่งที่ได้คืนมาซักครู่ พลันเงยหน้าขึ้นก็พบกับพระสงฆ์ท่านหนึ่งยืนสำรวมอยู่ต่อหน้าดิฉันและยิ้มอ่อน ๆ ให้ เวลาผ่านไปดิฉันก็ลืมความฝันนี้ไปโดยสิ้นเชิง
จนอายุครรภ์ดิฉันย่างเข้าเดือนที่ 3 วันหนึ่งดิฉันไปบ้านเพื่อนรุ่นน้อง สายตามองไปเห็นหนังสือหนาๆเล่มหนึ่งวางอยู่บนพื้น ดิฉันจึงเก็บขึ้นมา รู้สึกสะดุดใจเพราะหน้าปกหนังสือเล่มนั้นเป็นรูปพระสงฆ์ท่านหนึ่ง เมื่อเปิดอ่าน เนื้อหาในหนังสือกล่าวถึง "กรรมดีกรรมชั่ว" และการสวดมนต์บท "พาหุงมหากา" ดิฉันสนใจในหนังสือเล่มนี้มากจึงเอ่ยปากขอหนังสือกับเพื่อน
Advertisement
Advertisement
เมื่อได้อ่านรายละเอียดของหนังสือจึงทราบว่าพระสงฆ์ท่านนั้นคือ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (Phra Dharmsinghaburajarn) หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดอัมพวันจังหวัดสิงห์บุรี ท่านจะกล่าวถึงการทำความดี กรรมดีกรรมชั่ว และการสวดมนต์ภาวนา การปฎิบัติธรรม ท่านแนะนำให้สวดมนต์บทพาหุงมหากาเท่าอายุ+1จบ แต่ในเนื้อหาของหนังสือกลับไม่พบบทสวดมนต์ที่กล่าวมา ในใจคิดว่าจะหาบทสวดนี้ได้จากไหนหนอ
มันเป็นเรื่องที่แปลกมากเมื่อวันหนึ่งดิฉันเดินผ่านบ้านของพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง เมื่อเธอหันมาเห็นดิฉันก็กวักมือเรียกให้เข้าไปหา และเดินนำไปที่หิ้งพระ พร้อมทั้งเอื้อมมือขึ้นไปหยิบหนังสือบทสวดมนต์เล่มเล็กๆหน้าปกสีเหลืองของวัดอัมพวันมายื่นให้ พลางพูด "อยากได้ไม่ใช่เหรอ" เธอทราบได้อย่างไรว่าดิฉันอยากได้บทสวดมนต์พาหุงมหากาของหลวงพ่อจรัญ ที่สำคัญบ้านเกิดของเธอคือจังหวัดสิงห์บุรี นับตั้งแต่วันที่ดิฉันได้บทสวดมนต์มาก็เริ่มสวดพายุงมหากาเท่าอายุ+1 จบ จนดิฉันคลอดลูก และหลังคลอดก็ยังคงสวดต่อไปไม่เคยขาด
Advertisement
Advertisement
เมื่ออายุครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 8 ใครๆที่เห็นดิฉันก็มักจะทักว่าเหมือนคนใกล้คลอด ความรู้สึกของดิฉันก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่กำหนดคลอดจริงๆคืออีก 1 เดือนข้างหน้า จนมาวันหนึ่งดิฉันรู้สึกผิดปกติ โดยมีอาการปวดหน่วงที่ท้องเป็นระยะ ๆ จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลที่ได้ฝากครรภ์ไว้ เมื่อดิฉันได้เข้าพบคุณหมอ แจ้งอาการและบอกความรู้สึกว่ามีอาการเหมือนจะคลอด คุณหมอตรวจพร้อมทั้งยืนยันว่ายังไม่ถึงเวลาคลอดแน่นอน ดิฉันยืนกลานขอนอนดูอาการ ดิฉันถูกส่งตัวเข้าห้องเตรียมคลอดเมื่อเวลาเที่ยงวันกว่าๆ คุณหมอ 2 คนผลัดกันมาตรวจดิฉันแล้วก็เดินออกไปไม่พูดอะไร หลังจากนั้นดิฉันก็ถูกทิ้งแบบสิ้นเชิงบนเตียงคนไข้ ไม่มีใครกลับมาดูแลอีกเลย
ภาพโดย Madlen Deutschenbaur จาก Pixabay
จนนาฬิกาข้างฝาบอกเวลา 5 โมงเย็น ดิฉันเริ่มมีอาการปวดหน่วงที่ท้องถี่ขึ้น เริ่มรู้สึกว่าใกล้เวลาคลอดเข้ามาเต็มที สัญชาตญานมันบอกว่ากำลังจะคลอด ดิฉันชันเข่าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งภายในร่างกายดิฉันมันเกิดลมเบ่งขึ้นมาและพร้อมจะดันเด็กออกมาในทันที ในห้องพักคลอดจะมีแม่ที่นอนคอยคลอดอยู่อีก 2 ท่าน หนึ่งในสองท่านนั้นเมื่อเห็นอาการของดิฉันก็ลุกขึ้นมาถามว่าจะคลอดแล้วเหรอ ดิฉันพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า เธอรีบเดินออกไปตามหมอและพยาบาลให้มาดูดิฉัน เมื่อคุณหมอมาถึงก็รวบขาดิฉันไว้แน่นและบอกว่าอย่าเพิ่งคลอดให้อดทนไว้ เมื่อขึ้นเตียงคลอดดิฉันก็คลอดลูกออกมาทันที และไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดมากมายอะไรเลย งานนี้คุณหมอแทบใส่ถุงมือไม่ทัน ดิฉันคลอดลูกสาวน่าตาน่าชัง แก้มยุ้ย เป็นการคลอดก่อนกำหนดจึงมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์คือแค่ 1800 กรัม ตัวเล็กมาก แต่แปลกที่ลูกดิฉันสมบูรณ์และแข็งแรงมาก เคสนี้จึงกลายเป็นเคสศึกษาของโรงพยาบาลแห่งนั้นไป เพราะหมอหาสาเหตุไม่เจอว่าเพราะอะไรจึงคลอดก่อนกำหนด หลังคลอดดิฉันได้พักที่เตียงหมายเลข 24 ของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งนั้น สามีดิฉันเสี่ยงดวงโดยการซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 24 หนึ่งคู่ เพราะคิดว่าดวงลูกอาจจะให้โชค แล้วความประหลาดใจอีกเรื่องก็เกิดขึ้น ผลรางวัลเลขท้ายสองตัวในงวดนั้นออกเลข 24 เราได้รับเงินรางวัลซึ่งจำนวนเงินพอดีกับค่าทำคลอดที่ต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลพอดิบพอดี ซึ่งในขณะนั้นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มันคือเรื่องใหญ่ของครอบครัวเรา
จากความฝันในครั้งแรกที่ได้กล่าวมา ดิฉันก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าความฝันนั้นจะบอกอะไรเราได้บ้าง เพราะอย่างไรก็ยังคงเป็นความฝันอยู่นั่นเอง มันอาจเป็นเหตุบังเอิญที่แม้แต่ตัวดิฉันที่ประสพมาก็ไม่อาจจะอธิบายได้เช่นกัน แต่ดิฉันเชื่ออยู่เรื่องหนึ่งคือ หนังสือธรรมะเล่มนั้นมีส่วนทำให้ดิฉันเข้าใจถึงหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และมีธรรมะของสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักยึดเหนี่ยว ธรรมะขัดเกลาให้ดิฉันมีสติอยู่เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ปี พ.ศ. 2541 ในขณะนั้นเกิดวิกฤติฟองสบู่แตก ธุรกิจหลายแห่งในเมืองไทยต่างพากันล้มละลาย ผู้คนต่างตกงานมากมาย ครอบครัวของดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ดิฉันเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ให้เช่ารถบัสปรับอากาศ บริษัทรับจัดทัวร์ต่างๆจะมาเช่ารถเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาทัวร์ในเมืองไทย เมื่อไม่มีงานทัวร์ต่างชาติ บริษัทก็จะรับงานคนไทยเพื่อไปสัมมนาบ้าง ท่องเที่ยวบ้าง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติฟองสบู่แตก ชาวต่างชาติไม่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ธุรกิจต่างๆในไทยก็ต่างล้มละลาย ไม่มีการจ้างงาน เมื่อเศรษกิจพังทุกอย่างก็พังไปตาม ๆ กัน ครอบครัวของดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ลูก ๆ ก็ยังเล็กกันอยู่ บริษัทไม่มีงาน เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน แล้วบริษัทก็ต้องปิดตัวลง ทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นรถหรือรถทัวร์ที่เราเคยเป็นเจ้าของก็ไม่ใช่ของเราอีกต่อไป
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่กับเราเสมอไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตาม นั่นก็คือ "ธรรมะ" นั่นเอง ธรรมะเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้ดิฉันเข้มแข็ง ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน เมื่อธุรกิจของตนเองล้มละลายก็ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดเดียวจากดิฉัน ตั้งรับกับสิ่งที่จะตามมาและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ หากจะกล่าวว่าดิฉันมิได้รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ถูกต้องนัก ความเสียใจ ความผิดหวังประดังเข้ามา แต่ดิฉันก็ยังมีลูก ๆ มีครอบครัวให้ต้องต่อสู่ต่อไป โดยมีธรรมะเป็นหลักยึดเหนี่ยวในจิตใจ เพราะเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า "ธรรมะจะนำพาเราไปสู่สิ่งที่ดี"
ในวันครบรอบคล้ายวันเกิดอายุ 4 ขวบของบุตรสาว (15 สิงหาคม 2541) มีชายตาบอดขายลอตเตอรี่มาขอให้ช่วยซื้อ จึงให้บุตรสาวดิฉันเลือกมา 1 คู่ วันที่ 16 สิงหาคม 2541 ดิฉันถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 5 ที่บุตรสาวดิฉันเลือกให้ เงินก้อนนั้นได้ช่วยต่อลมหายใจของครอบครัวเราออกไปได้อีก
สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราหลายอย่าง ไม่สามารถจะยกเหตุผลมาเป็นข้ออ้างได้เลย แต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ดิฉันเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราล้วนมีกรรมเป็นตัวกำหนด
- ทำไมดิฉันถึงฝันเห็นพระรูปหนึ่งที่ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน
- ทำไมดิฉันถึงมีบุญสัมพันธ์ได้รู้จักหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม และมีบุญได้รับหนังสือของท่านมาศึกษาธรรมะ
- ทำไมดิฉันได้บทสวดมนต์ของท่านโดยที่ดิฉันไม่เคยได้บอกกับใครเลย
- ทำไมลูกสาวดิฉันเกิดในวันที่ 15 สิงหาคม ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม โดยไม่มีสาเหตุของความเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุใดๆเลย ซึ่งดิฉันควรจะคลอดเธอในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
- ทำไมชายตาบอดมาขายล๊อตเตอรี่ให้ดิฉันในวันที่ 15 สิงหาคม 2541 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบ 4 ขวบของบุตรสาวดิฉัน และถูกรางวัลที่ 5 ในวันรุ่งขึ้น
ภาพโดย TanareeBod
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเป็นสิ่งอัศจรรย์หรือไม่ดิฉันก็ไม่อาจจะบอกได้ แต่ดิฉันเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่งก็คือ "ธรรมะจัดสรรค์" "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" สำหรับคนอื่นจะคิดเช่นไรดิฉันไม่อาจจะทราบได้ แต่สำหรับดิฉันเองเชื่อเสมอว่าหากเราคิดดีปฎิบัติดี สิ่งดี ๆ ก็จะย้อนกับมาหาเราเสมอ ไม่ว่าชีวิตของเราแต่ละคนจะผ่านอะไรมา เคยทำผิดพลาดมาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราต่างรู้ตื่น รู้ว่าสิ่งเคยทำผิดพลาดมามากมายสักแค่ไหนเมื่อเราสำนึกได้ และระมัดระวังไม่ให้มันผิดพลาดอีก สิ่งดี ๆ ก็จะตอบแทนเราอย่างแน่นอนค่ะ ชีวิตของคนเรามีขึ้นมีลง ดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไปตามแต่กรรมที่สร้างกันมา หากเราอยากได้รับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เรายิ่งต้องเร่งสร้างแต่กรรมดีเพื่อจะวิ่งหนีกรรมชั่วที่กำลังตามเรามา
ในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ ่ทุกผู้ทุกนามล้วนมีกรรมเป็นตัวกำหนด หากเราทำแต่กรรมดี สิ่งดีๆก็จะน้อมนำเราไปในทางที่ดี ๆ เราจึงควรหันมาทำกรรมดีเพื่อหลีกหนีกรรมชั่วซึ่งเราต่างเคยทำกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติก็ดี กรรมชั่วไม่มีสิ่งใดมาแก้หรือลบล้างมันออกไปจากชีวิต แต่เราสามารถหนีมันไม่ให้ตามมาทันเราได้ด้วยการสร้างกรรมดี
อนุโมทนาสาธุในบุญค่ะ
ความคิดเห็น
