ไลฟ์แฮ็ก
ทำความรู้จัก 5 คน 5 สไตล์ในตลาดลงทุน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
ในตลาดการลงทุน ทุก ๆ คนมีความฝัน ความตั้งใจที่อยากจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนแบบทวีคูณในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งบางคนก็ฝันอยากบริหารเงินล้าน ให้กลายเป็นพันล้าน หรือบางคนก็ฝันแค่อยากบริหารเงินหมื่นให้กลายเป็นเงินล้าน แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่ไม่อยากแม้จะเข้ามาลงทุนในตลาดการลงทุน อาจจะเพราะเคยผ่านความเจ็บปวดจากตลาดการลงทุนในอดีต หรืออาจจะมีความกล้าไม่มากพอ หรืออาจจะเพราะความไม่รู้ วันนี้ผู้เขียนจึงมาแชร์สไตล์ของผู้คนที่เราอาจจะได้พบเจอในตลาดการลงทุน ถ้าจะถามว่า ทำไมเราต้องรู้เรื่องพวกนี้? คำตอบคือ ถ้าเรายังไม่รู้ว่าใครเป็นใครในตลาดการลงทุน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าตัวเราเป็นใคร และอยู่ตรงไหนในตลาด? มาดูกันค่ะว่ามีใครบ้างในตลาดการลงทุน
1. กลุ่มคนที่เน้นลงทุนโดยอาศัยพื้นฐานของกิจการเป็นหลัก
กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เน้นซื้อ-ขาย หุ้นโดยอาศัยข้อมูลพื้นฐานของบริษัท หรือกิจการ ถ้าใครยังไม่ชินกับการลงทุน ก็อาจจะมีงงว่าอะไรคือพื้นฐานของบริษัท ผู้เขียนขออธิบายง่าย ๆ ว่ากลุ่มนี้เค้าเน้นวิเคราะห์กิจการหรือบริษัท จากผลกำไร แนวโน้มการเติบโต และตัวเลขด้านการเงินอื่น ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้เค้าเน้นอ่านข้อมูลของบริษัท และวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง ตามหลักการของนักลงทุนระดับโลกอย่าง เบนจามิน เกรแฮม หรือวอเร็น บัปเฟต หรืออีกหลาย ๆ ท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ณ ที่นี้
Advertisement
Advertisement
สำหรับผู้เขียนเอง ก็ชื่นชอบสไตล์การลงทุนแบบนี้ เพราะเป็นคนชอบอ่าน ชอบวิเคราะห์ แต่ก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญแต่ประการใด โดยส่วนตัวของผู้เขียนซื้อแล้วถือยาว ซื้อขายไม่บ่อย เรียกง่าย ๆ คือ เน้นระยะยาว ไม่รีบ 😊
ใครสนใจลงทุนในหุ้นแนวนี้ สามารถศึกษาหาข้อมูลของบริษัทหรือกิจการได้จากเว็บของตลาดหลักทรัพย์ หรือเว็บ settrade มีข้อมูลให้เราศึกษาหาความรู้เพียบ ผู้เขียนแนบลิ้งค์ไว้ท้ายบทความ
2. กลุ่มคนที่เน้นลงทุนโดยอาศัยการศึกษากราฟ หรือเทคนิคอล
กลุ่มนี้เค้าเน้นการซื้อ-ขายจากการศึกษากราฟ บริษัทจะดี หรือไม่ดี ไม่รู้ รู้แต่ว่ากราฟสวย แนวโน้มดี ก็เข้าเลย ส่วนใหญ่กลุ่มนี้ต้องมีวินัยในการเข้าซื้อ และขายออก เน้นเข้าเร็ว ออกเร็ว สำหรับใครที่สนใจ และชื่นชอบการลงทุนแบบนี้ มีนักลงทุนด้านเทคนิคอลหลายคนที่ประสบความสำเร็จ สามารถไปกดติดตามและศึกษาจากเค้าได้เลยค่ะ
Advertisement
Advertisement
สำหรับผู้เขียน ไม่ถนัดด้านนี้ เพราะนั่งมองกราฟทีไร ก็เป็นอันปวดหัว ปวดใจทุกที
3. กลุ่มที่เน้นลงทุนโดยอาศัยการศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวม ปริมาณเงินต่างชาติที่ไหลเข้าออกในตลาดทุน
ถ้าจะถามว่า แล้วเงินต่างชาติมาจากไหน ส่วนใหญ่เป็นการย้ายเงินของนักลงทุน หรือกองทุนต่างชาติ เพื่อมาหาผลตอบแทนที่ดีกว่า หรืออาจจะแค่มาพักเงินชั่วคราว เงินต่างชาติที่ไหลเข้า ไหลออกจากตลาดทุน สำคัญอย่างไร ?
คำตอบคือช่วยดันราคาหุ้นให้พุ่งขึ้นในกรณีที่เงินไหลเข้าไปในหุ้นหรือสินทรัพย์ตัวนั้น และทำให้หุ้นหรือสินทรัพย์ตัวนั้นราคาลดลง ในกรณีที่เงินไหลออก ผู้เขียนเองเคยซื้อถูกตัวที่ต่างชาติชอบอยู่ครั้งหนึ่ง บอกเลยว่าเหมือนถูกหวย แต่เสียดายถูกหวยไม่บ่อย😊
4. กลุ่มที่เข้ามาในตลาดเพื่อปั่นราคา
คนที่จะปั่นได้ขนาดนี้ ก็ต้องมีเงินเยอะพอตัว ที่จะสามารถซื้อสินทรัพย์ตัวนั้น ๆ แล้วปั่นกระแสให้คนอยากวิ่งไปซื้อตาม ตัวอย่างการปั่นกระแสเช่น ออกข่าวว่ามีโครงการดี ๆ ในอนาคตอันใกล้ หลังจากนั้นราคาสินทรัพย์ก็วิ่งไม่หยุด ซึ่งตัวอย่างมีให้เห็นเรื่อย ๆ ใครที่ซื้อก่อนกระแส และวิ่งออกช่วงที่กระแสกำลังแรง ก็รวยเละเทะ แต่ใครที่เข้าไปซื้อช่วงกระแสแรง และหลงคิดว่ากระแสจะแรงต่อเนื่อง แต่ดันกลายเป็นกระแสแผ่ว ๆ ก็ติดดอย นอนหนาวอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยนั่นแหละค่ะ 😊 ผู้เขียนไม่ชอบแนวนี้ เพราะเป็นคนวิ่งไม่เร็ว แต่เดี๋ยว เห็นเราพูดแบบนี้ เราก็ไม่ได้คลานเป็นเต่าล้านปี อย่าเข้าใจผิดนะยูว์😉
Advertisement
Advertisement
5. กลุ่มที่เข้ามาแบบไม่รู้อะไรเลย
กลุ่มนี้ก็แบบมีเงินเก็บ พอดีไปได้ยินเพื่อน หรือคนรู้จักมาบอกว่าได้กำไรจากการลงทุน หรือเห็นเพื่อนโพสต์ชีวิตหรู ๆ ล่ำซำจากการลงทุน ก็รีบนำเงินที่มีเข้าไปซื้อขายทันที โดยไม่ศึกษา หาข้อมูลอะไรเลย หรืออีกแบบคือมีคนมาชวนไปลงทุน ก็ไม่ได้รู้อะไรหรอก บอกตรง ๆ ว่าแค่อยากได้ผลตอบแทนดี ๆ แต่สุดท้ายก็เจอแบบแชร์ลูกโซ่ หรืออะไรแบบนั้น กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็จบแบบเจ็บเกือบทุกราย
เมื่อเราได้ทำความรู้จักคนอื่นในตลาดการลงทุนแล้ว เราก็อย่าลืมทำความรู้จักตัวเอง ว่าตัวเราเองเป็นคนสไตล์ไหนในตลาดการลงทุน”จะได้รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” อย่างที่ท่านซุน วู เคยกล่าวเอาไว้ แต่ถึงแม้เราจะชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ก็ขอให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ถ้าใครที่พร้อมแล้ว ก็เตรียมลุย สำหรับผู้เขียนไม่ได้เข้าไปรบบ่อย และไม่ได้ยึดหลักการใด หลักการหนึ่งในการลงทุน แต่สิ่งที่สำคัญที่ผู้เขียนท่องให้ขึ้นใจก่อนการลงทุนทุกครั้ง คือเราต้องรู้ว่าตัวเราเองกำลังทำอะไร เพราะเงินของเรา ของ ๆ เรา แม้แต่ตัวเรายังไม่อยากรักษา แล้วใครเค้าจะมาปกป้องรักษาให้เรา จริงมั้ยค่ะ ?
ปล บทความนี้ผู้เขียน เขียนจากแนวคิด มุมมอง และประสบการณ์ของตัวเอง อาจจะไม่เหมือนกับบทความด้านการเงินอื่น ๆ และต้องกราบขออภัยหากบทความนี้ไปทุ่มแทงหัวใจของใครบางคน แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
ขอบคุณกราฟิกจากเว็บ Canva
ปก กราฟิกจากเว็บ canva
ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน
ภาพที่ 3 โดย sergeitokmakov จาก Pixabay
ภาพที่ 4 กราฟิกจากเว็บ canva
Nurseonomy
ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.set.or.th/set/mainpage.do?language=th&country=TH
https://www.settrade.com/settrade/home
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สุดปัง! กับวิธีประหยัดภาษีด้วยบัญชีลงทุน ISK ที่นี่สวีเดน | TrueID In-Trend
15 เทคนิครัดเข็มขัด ยุคของแพง | TrueID In-Trend
ถ้าฉันมี 30 ล้านบาท อาจทำให้ฉันกลายเป็นไฮโซ (trueid.net)
ปรับตัวสู่สังคมไร้เงินสด เลี่ยงปัญหาหนี้สินกองโต | TrueID In-Trend
อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !
ความคิดเห็น