อื่นๆ

1 คืนไร้บ้าน...ที่กาญจนบุรี (Homeless)

114
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
1 คืนไร้บ้าน...ที่กาญจนบุรี (Homeless)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีอารมณ์คิดถึงบ้านเวลาต้องไปที่อื่นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เช่น ต้องไปเรียนต่อที่อื่น เข้าค่ายหลายวัน ไปต่างจังหวัด ไปเป็นทหารเกณฑ์ ไปอยู่โรงเรียนประจำ ไปอยู่ต่างประเทศ ต้องต้องไปอยู่กักตัว ต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลสนามอย่างในสถานการณ์ปัจจุบัน เราเรียกโรคหรืออารมณ์นี้ว่า homesick

แต่อีก home หนึ่งที่เราอาจจะเคยได้ยิน แต่ไม่เคยสัมผัสก็คือ homeless คือ คนไร้บ้านหรือไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง บ้านเราอาจจะเรียกว่าคนเร่ร่อนหรือคนจรจัดบ้าง แต่เราก็มองในกรอบของด้านลบมากกว่า บางทีความหมายที่แท้จริงอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป สมัยที่ผมศึกษาระดับอุดมศึกษา เคยได้เรียนเกี่ยวกับกลุ่ม homeless ของชาวตะวันตกที่จะออกไปทางพวกที่ไม่อยากอยู่บ้าน อยากออกไปแสวงหาคำตอบของชีวิตด้วยการใช้ชีวิตแบบเรื่อย ๆ บางทีชาวตะวันตกส่วนหนึ่งก็มองว่าพระสงฆ์ก็คือ กลุ่ม homeless เช่นกัน เพราะไม่ได้อยู่กับที่เป็นหลัก ยิ่งเป็นพระธุดงค์ท่านจะแสวงหาธรรมะในหลาย ๆ ที่ ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ บางรูป ไม่มีอะไรติดตัว นอกจากปัจจัย 4 ที่ต้องอาศัยจริง ๆ ดังนั้นชาวตะวันตกหลาย ๆ คนจึงมาศึกษาพระพุทธศาสนาผ่านการบวชในวัดป่าและออกธุดงค์เพื่อแสวงหาพระสัทธรรมเช่นกัน

Advertisement

Advertisement

พระ ผมก็เคยอยากจะลองใช้ชีวิตแบบชาว homeless ดูสักครั้ง เพราะเพื่อนของผมคนหนึ่ง ตอนที่ท่านยังเป็นพระเคยทำสมัยที่ท่านต้องเดินทางอยู่บ่อย ๆ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถขึ้นรถได้ตามเวลาที่กำหนด ท่านก็เลยตัดสินใจจำวัดที่ท่ารถตรงเก้าอี้ยาวที่ให้บริการผู้เดินทางตรงนั้น ท่านใช้จีวรคลุมโปงโดยไม่ต้องสนใจใครเหมือนเป็นห้องส่วนตัวภายใต้จีวรของท่านจนเช้าแล้วค่อยเตรียมตัวออกเดินทางในตอนกลางวันแทน

พระเดินทาง ผมเองก็เคยทำแบบท่านเหมือนกัน ครั้งหนึ่งตอนมีงานสะพานข้ามแม่น้ำแควประจำปี จังหวัดกาญจนบุรี ผมไปกับหัวหน้าแต่ตอนเที่ยวงานไม่ได้ไปด้วยกัน ถึงเวลา 4 ทุ่มที่นัดกันว่าจะเจอกันแล้วไปหาที่พัก รู้ตัวอีกทีผมก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าที่รถหัวหน้า และไม่รู้ว่าหัวหน้าไปจอดรถที่ไหน การจะเดินหากันในงานที่มีคนเยอะ ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย การไปเป่าประกาศก็คงไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกันเพราะไม่ใช่เด็ก ๆ ที่พลัดหลงกับพ่อแม่ด้วย แต่โชคดีที่มีเศษเหรียญและจำเบอร์หัวหน้าได้ เลยตัดสินใจโทรหาหัวหน้า ผมโทรไปเป็นสิบๆ ครั้ง ก็ไม่รับสาย อาจเป็นเพราะเสียงดังในงานทำให้หัวหน้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็เป็นไปได้ ผมเลยตัดสินใจไม่โทรหาอีก แต่คิดหาทางไปหาที่นอนแทน ที่สำคัญตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 100 บาท จะไปเข้าพักตามรีสอร์ทหรือโรงแรมคงไม่พออย่างแน่นอน เลยตัดสินใจไปหาที่นอนที่ ๆ ไม่ต้องเสียเงินดีกว่า

Advertisement

Advertisement

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

ไม่ใช่วัดเหมือนที่ใคร ๆ อาจจะคิดไว้ เพราะในเวลานั้นทุกวัดก็คงปิดไปหมดแล้ว และผมก็ไม่มีคนรู้จักสนิทชิดเชื้อที่อยู่ในวัดด้วย ผมตัดสินใจไปที่ขนส่งจังหวัดหรือท่ารถประจำจังหวัดกาญจนบุรี เหตุที่ผมเลือกที่นั้นก็เป็นเพราะว่าเหตุผลดังนี้

1. มีแสงสว่างที่เพียงพอ

2. เป็นที่สาธารณะ บริการประชาชนทั่วไป

3. ถ้าหิวหรือนอนไม่หลับก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ ๆ

4. ที่สำคัญมีห้องน้ำให้บริการอยู่ตลอดเวลา

ระยะทางจากงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว จนถึงท่ารถหรือขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี ประมาณ 2 กิโลเมตรได้ ผมไม่ได้เรียกรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปส่งแต่อย่างใด ผมใช้บริการ 2 ขาเดินไปตามถนนหลักเรื่อย ๆ ตอนนั้นก็ใกล้ 5 ทุ่มแล้ว ตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ บางจุดก็แทบไม่มีแสงไฟ เดินผ่านรีสอร์ทก็เข้าไม่ได้เพราะเงินไม่พออย่างน้อยห้องละ 500 แต่เรามีแค่ 100 เดียว ระหว่างทางที่เดินไปก็ต้องเจอทั้งคนแปลกหน้าเดินผ่าน ซึ่งตัวเขาเองก็อาจจะกลัวคนแปลกหน้าอย่างเราเหมือนกันเพราะตอนนั้นก็ดึกมาแล้ว และยังกล้าเดินคนเดียวอีกด้วย ผมไม่กลัวสิ่งลี้ลับในเวลานั้น แต่กลับกลัวเจ้าสุนัขข้างทางมากกว่า เพราะมันสามารถทำร้ายเราได้ ไม่ผิดกฎของหมาอีกด้วย บางตัวก็เห่าจากในรั้วบ้าน บางตัวก็ขู่อยู่ข้างถนนที่เราเดินผ่าน บางตัวก็ทำท่าจะเข้ามาหา ยิ่งดึกยิ่งหนาวในเดือนพฤศจิกายน แต่เราเหงื่อแตก เพราะการเดินด้วยและความกลัวสุนัขข้างทางด้วย รถก็ยังมีวิ่งบ้าง แต่ก็ไม่มากเพราะดึกมากแล้ว บางทีก็มีรถยนต์โดยสารบริการผู้มาเที่ยวงานผ่านแต่เราก็ไม่ได้โบกขึ้น เพราะคิดว่าเดินไปอีกหน่อยก็ถึง แต่เอาเข้าจริงเวลาเดินกลางคืนเหมือนจะไกลกว่ากลางวันด้วยซ้ำ

Advertisement

Advertisement

เดินทาง กว่าจะถึงที่หมายก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว  ผมรีบไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วค่อยเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ตัดสินใจนำเงินที่เหลือ 100 บาทไปซื้อหนังสืออ่านเล่นราคา 49 บาท ที่เหลือก็ซื้อน้ำดื่ม แล้วกลับมาที่ท่ารถเพื่อหาที่พักฟรี กะว่าจะอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ จนเช้าหรือจนกว่าจะง่วง รอบ ๆ บริเวณท่ารถมีร้านอาหารใกล้ ๆ ได้ยินเสียงดนตรีดังมา มีผู้คนที่เขาอาจจะคิดเหมือนผมหรือไม่มีที่ไปมานอนบริเวณนั้นเหมือนกัน บางคนมีลูกที่เดินได้แล้วมาพักที่นี่ด้วย เสียงร้องงอแง บางคนก็ดูเหมือนว่าเขาใช้ที่นี่เป็นที่พักประจำเลย บางคนดูเหมือนวัยรุ่นมานั่งเล่น  ผมก็ได้แค่สังเกตการณ์และระวังตัว นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลงจากที่ร้านไปเรื่อย ๆ จนร้านปิดแล้ว เรายังไม่นอน เพราะยุงเยอะหลับไม่ได้ จนเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนกลายเป็นวันใหม่ไปแล้วเริ่มง่วงนอนขึ้นมาบ้าง

หนังสือ

เตรียมตัวเอนกายลง โชคดีที่มีเสื้อแขนยาวมาด้วย จากมีเหงื่อตอนนี้เริ่มมีลมเย็นๆ มา แต่ยุงไม่ยักกะหนาวด้วยมาวน ๆ เวียน ๆ รอบตัวเรา หลับตาลงได้ไม่เท่าไหร่ก็มาวิ่งวนเสียงดังข้างหูตลอดเวลา ผมเงียบได้เป็นพัก ๆ ตอนตี 2 ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากการเหลือบไปมองนาฬิกาแขวนที่ท่ารถ เหมือนมีใครคนหนึ่งมาจ้องมองผมที่ปลายที่นั่ง พอผมลืมตาก็เหมือนว่าพี่เขาจะคุยด้วย

"น้องไปนอนห้องพี่ไหม?"

"ไม่ครับพี่ ขอบคุณครับ"

"นอนตรงนี้ ยุงกัดนะ"

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก"

ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ขอนอนตรงนี้เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็เลยกลับไป ผมเองก็เริ่มรู้สึกไม่ดีเกรงว่าจะมีอันตราย แต่มองไปที่ตรงที่นั่งอื่น ๆ ก็ยังเห็นมีคนนอนกันหลายคน เด็ก ๆ น้อยที่มานอนที่นี่กับแม่ก็ยังอยู่ ก็เลยคิดว่าอยู่ตรงนี้แหล่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว กว่าจะหลับตาลงได้อีกครั้งก็เป็นชั่วโมง

นาฬิกา

พอตื่นขึ้นมาอีกทีราว 6 โมงเช้า รีบไปล้างหน้าล้างตา แล้วนำเศษเหรียญโทรหาหัวหน้าอีกครั้ง รอบนี้หัวหน้ารับสายก็เลยวนรถมารับ ผมก็เลยบอกความจริงไปว่า "ผมอยากทำสักครั้งในชีวิตครับ ว่าคนที่เป็น homeless เป็นอยู่กันอย่างไร" หัวหน้าก็เป็นห่วงดีว่าที่ยังไม่มีครอบครัว ไม่อย่างนั้นทางบ้านคงเป็นห่วงกันมาก ทีหลังก็อย่าลืมพกโทรศัพท์ไปด้วยนะ

เป็นอีกประสบการณ์ในชีวิตที่ถือว่าอันตรายพอสมควร ไม่ควรเลียนแบบ เพราะคนที่เราไปเจอในคืนนั้นจะเป็นคนอย่างไร ถ้าเป็นคนดีก็ดีไป แต่ถ้าเป็นคนไม่ดีอาจจะทำร้ายเราได้เช่นกัน ประสบการณ์นี้ช่วยสอนให้เรามีเมตตากับเพื่อนร่วมโลก เห็นใจคนที่เขาลำบาก แต่ถ้าเราช่วยเขาแล้ว เขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ของเรา แต่ถ้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นบุญของเขาเช่นกัน

บ้านเล็กๆ

มีบ้าน มีครอบครัวที่ดีแล้วอย่าลืมดูแลให้ดีนะ เพราะคนที่ไม่มีบ้านบางทีเขาก็ยังรักกัน ดูแลกันได้ แล้วตัวเราล่ะรักครอบครัว รักบ้านกันหรือยัง?

เครดิตภาพ

ภาพปก โดยผู้เขียน และของคุณแอพ Canva ที่ตกแต่งภาพให้สวยงาม

ภาพที่ 1-7 โดยผู้เขียน

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์