อื่นๆ

เรื่องจำในเรือนจำของฉัน EP.6: อภัยโทษกับอิสรภาพ

189
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องจำในเรือนจำของฉัน EP.6: อภัยโทษกับอิสรภาพ

ผมเฝ้ารอว่าจะมีประกาศการอภัยโทษหรือไม่ ก็ยังไม่มีประกาศจากทางเรือนจำสักที

เรือนจำ1

เช้าวันนี้ผมตื่นสายกว่าปกติ วันนี้ตรงกับวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ตื่นเอาเกือบๆ 8 โมงเช้า เพื่อเตรียมเคารพธงชาติในห้อง วันนี้มีอะไรพิเศษกว่าวันอื่นๆ เนื่องจากปกติเคารพธงชาติเสร็จแล้วก็จะเป็นอันเสร็จขั้นตอนเหมือนทุกวัน แต่วันนี้มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาพูดและอธิบายถึงคุณสมบัติอะไรสักอย่างซึ่งผมฟังไม่ชัดเท่าไร สักพักเจ้าหน้าที่แจ้งให้รับฟังประกาศจากท่านผู้อำนวยการส่วนควบคุม แล้วผมก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพื่อตั้งใจฟัง ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อท่านผู้อำนวยการประกาศพระราชกฤษฎีกาว่า "มีอภัยโทษ วาระวันพ่อแห่งชาติ 2564"  ผมรู้สึกดีใจอย่างที่สุดถึงกับตะโกนตามเสียงที่ได้ยินมาจากเพื่อนๆ ในแดนต่างๆ "เฮ ไชโย อภัยโทษมาแล้ว" ผมดีใจมากที่จะได้รับอิสรภาพเสียที ทุกคนต่างดีใจจากการประกาศอภัยโทษในครั้งนี้

Advertisement

Advertisement

บ่ายวันนั้นเจ้าหน้าที่ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ หนึ่งในนั้นก็มีชื่อผมจริงๆ ผมดีใจมากๆ ที่จะได้กลับบ้านสักที หลังจากประกาศผมก็คอยติดตามว่าจะประกาศให้นักโทษเข้าอบรมเมื่อไร ผมถาม ผชล. เขาก็บอกว่าอีกไม่กี่วันหรอก อ้อ ผมลืมบอกไปว่าผู้ได้รับอภัยโทษทุกคนต้องเข้าอบรมโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง เป็นระยะเวลา 14 วัน จึงจะได้ปล่อยตัวไป

เรือนจำ2

ระหว่างนี้ผมก็เฝ้ารอที่จะได้เข้าอบรมว่าจะเข้าอบรมวันไหน อยากรู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร ระหว่างนี้ อาการโรคหิดของผมก็ไม่ดีขึ้นเลยเจ็บแผลมากๆ เพื่อนๆ ก็หาทางช่วยเหลือบอกสูตรการรักษากันหลายวิธีแต่ผมก็ยังไม่หาย สุดท้ายผมจึงต้องแจ้ง พ.บ. (สถานพยาบาล) ขอยากินและยาทา ถึงตอนนี้แผลมันช่างอักเสบมากจนผมไม่สามารถนั่งกับพื้นได้เลย นอนอย่างเดียวเลยครับ ตอนนี้ผมเกือบจะไข้ขึ้นเลยนะครับ

Advertisement

Advertisement

ผมเฝ้ารอไปเรื่อยๆ จนมาถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผมดีใจที่แฟนเก่าผมส่งของกินมาเยอะมากๆ เป็นของขวัญปีใหม่ ผมมีความสุขมากครับที่ถึงจะต้องส่งท้ายปีเก่าในเรือนจำก็เถอะ อย่างน้อยผมก็มีของกินฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ ในบ้าน จนถึงเวลาเที่ยงคืนภายในเรือนจำก็ยังคงเงียบเหมือนทุกๆ วัน ต่างจากภายนอกที่คงมีการฉลองกันอย่างมีความสุข ผมได้แต่นอนฟังเสียงพลุ เสียงประทัด ที่ดังมาจากภายนอกแล้วผมก็หลับไป

เรือนจำ3

ถัดมาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ในวันที่ 9 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ประกาศเรื่องการเข้าอบรมโครงการฯ กำหนดวันที่ 10 - 23 มกราคม 2565 และแจ้งให้ผู้ที่ได้รับอภัยโทษเก็บของเตรียมตัวย้ายไปที่แดน 1-4 ซึ่งจัดเป็นที่อบรมและที่นอนของผม บ่ายวันนั้นเองผมก็ถูกย้ายจากแดน 3 ไปอยู่แดน 1-4 เดินตาม ผชล.ไปถึงห้องซึ่งจัดให้ผู้เข้าอบรมโดยเฉพาะ ภายในห้องมีนักโทษคนอื่นที่ย้ายมาก่อนแล้วจับจองที่นอนกันเรียบร้อย ในห้องตอนนี้รวมกันในห้องประมาณ 89 คน ผมได้ที่นอนไม่ดีเท่าไรนัก เพราะผมต้องนอนอยู่หน้าบล็อก ซึ่งจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา

Advertisement

Advertisement

เมื่อถึงวันอบรมผมก็ต้องพบกับความยากลำบาก เพราะการอบรมต้องนั่งฟังทั้งวัน ขณะที่แผลโรคหิดของผมยังไม่ดีขึ้นเลย อบรมไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่นำเอกสารปิดบัญชีเงินของเรา ตามด้วยการตรวจ ATK เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด19 ผลปรากฎว่าไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ผมอบรมในห้องเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้ามีปฏิบัติก็จะได้ลงมาทำกิจกรรมด้านล่าง ใกล้ถึงวันปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ก็มาขอข้อมูลญาติ และเบอร์โทรศัพท์ เพื่อที่จะโทรแจ้งทางบ้านให้ทราบ เพื่อจะได้มารับในวันที่จะปล่อยตัวกลับบ้าน

อบรมเสร็จวันที่ 23 มกราคม 2565 ผมตื่นเต้นมากๆ ที่พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว นอนไม่หลับเลยครับ ถึงเวลาช่วงสายๆ เจ้าหน้าที่แจ้งให้ทุกคนทราบว่าจะมีกิจกรรมรับไปประกาศนียบัตรผู้ที่ผ่านการอบรม หลังจากเสร็จพิธีการก็ถึงเวลาที่จะเริ่มปล่อยตัว ทุกคนได้รับหัวทะเบียนซึ่งเป็นข้อมูลของนักโทษแต่ละคน เจ้าหน้าที่เริ่มเรียกตัวนักโทษให้มาพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อป้องกันการปล่อยผิดตัว หลังจากเสร็จเรียบร้อยผมได้กระดาษใบหนึ่ง เรียกว่า "ใบบริสุทธิ์" ผมดีใจมากที่จะได้กลับบ้าน จนถึงเวลาเจ้าหน้าที่เดินนำพวกผมไปที่ประตูด้านหน้า ผมค่อยๆ เดินจนถึงประตู ประตูถูกเปิดผมก้าวออกมาด้วยความดีใจ ผมพยายามสอดส่ายสายตาไปด้านนอก ซึ่งขณะนี้มีญาติมารอรับผู้ที่ถูกปล่อยตัวอยู่เยอะมาก แล้วผมก็เจอแม่ผมยืนชะเง้อมองอยู่ ผมรีบเดินไปหาแม่ แม่ผมน้ำตาไหลผมเองก็กลั้นไว้ไม่อยู่จริงๆ ผมก้มลงกราบเท้าพ่อและแม่ผม ก่อนจะลุกขึ้นมากอดกันและรีบพากันเดินไปที่รถ แม่ผมนำชุดมาให้ผมเปลี่ยนด้วยแม่บอกให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถเลย ส่วนชุดที่ใส่ออกมาให้โยนทิ้งถังขยะไป แม่พาผมไปไหว้พระ รดน้ำมนต์ สุดท้ายก็กลับถึงบ้านสักที

เรือนจำ4

สรุป ผมติดอยู่ในเรือนจำเป็นระยะเวลา 5 เดือน 26 วัน แค่นี้ก็เพียงพอให้ผมได้เข็ดหลาบแล้วครับ ระยะเวลาที่อยู่ข้างในมันช่างยาวนานมาก กลับมาผมใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท พักผ่อนเกือบหนึ่งเดือนก็เริ่มออกหางานทำต่อไป จบสิ้นเรื่องราวชีวิตในเรือนจำของผมสักที.....สวัสดีครับ

  • สุดท้ายอยากขอฝากข้อคิดถึงผู้อ่านทุกท่านขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ตั้งอยู่บนความประมาทประพฤติตนให้ถูกต้องตามกฎหมายผมจึงอยากแชร์เรื่องราวประสบการณ์ตรงของผมเองให้ทุกท่านได้รับรู้ถึงความรู้สึกหากต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหนและจงรู้จัก "ผิดจำย้ำคิด" กันให้มากๆนะครับ
  • ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านโปรดติดตามอ่านเรื่องราวจากข้างในต่อได้นะครับ ผมจะยกเรื่องราวเป็นแต่ละเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดมีเรื่องราวให้ได้อ่านอีกเยอะครับ

เครดิตภาพ [ภาพทั้งหมดถูกแก้ไขโดย เขียนเรื่องเล่าจำ]

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เขียนเรื่องเล่าจำ
เขียนเรื่องเล่าจำ
อ่านบทความอื่นจาก เขียนเรื่องเล่าจำ

ขอฝากผลงานการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองและเรื่องราวที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์