อื่นๆ
เรื่องเล่า ชาวเรือนจำ EP.3 : อาหารการกิน
กล่าวคำปฏิญาณตามข้าพเจ้า
- ข้าพเจ้าจะรับประทานอาหารมื้อนี้ เพื่อประทังชีวิต
- ข้าพเจ้าเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน จึงต้องรับผลของกรรมนั้น
- ข้าพเจ้าจะกระทำแต่ความดีและเคารพกฎหมายของบ้านเมือง
อาหารการกินนั้น ถือเป็นปัจจัย4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ เวลาเราอยากกินอะไรเราก็แค่กำเงินออกไปซื้อที่ตลาดหรือห้างสรรพสินค้าได้ตามใจเราได้ อย่างเป็นอิสระ สามารถกินตอนไหนเมื่อไรย่อมทำได้ แต่ถ้าหากเราต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วละก็ ขอบอกได้เลยครับว่าคนข้างนอกอาจไม่เชื่อเลยก็ได้ ว่าคนที่อยู่ในเรือนจำจะต้องกินอาหารกันอย่างไร ขอเชิญติดตามเรื่องราวได้เลยครับ
ในเรือนจำผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับประทานอาหารครบ 3 มื้อทุกๆวัน ซึ่งผู้ต้องขัง 1 คน จะมีค่าหัวเป็นค่าอาหารคนละประมาณ 41 บาท โดยทางเรือนจำต้องจัดหาอาหารให้แก่นักโทษตามได้รับประทานตามจำนวนเงินนี้ ซึ่งถ้าหากเป็นภายนอกคงจะทานอาหารได้แค่มื้อเดียว แต่ในเรือนจำจะต้องบริหารจัดการให้เพียงพอและทั่วถึงทุกคน
Advertisement
Advertisement
ย้อนไปประมาณ 10 ปี ในช่วงที่เรือนจำใช้ข้าวแดงทำให้นักโทษนั้นบอกได้เลยครับว่าเข็ดจนตายกันเลยครับ เนื่องจากข้าวแดงคือข้าวที่เกรดต่ำไม่ได้ทำการฟอกให้เป็นสีขาว มีราคาถูก และที่สำคัญเวลารับประทานต้องระวังเพราะในข้าวจะมีเศษกรวด เศษหินปนมาด้วยถ้าหากเคี้ยวไม่ระวังอาจจะถึงขั้นฟันแตกเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันนี้ใช้ข้าวขาวปกติแล้วครับ
ส่วนอาหารที่เป็นกับข้าวนั้นไม่ต้องพูดถึง ถ้ามีเนื้อสัตว์อย่างดีก็เป็นแค่เนื้อไก่ครับ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้กินเนื้อนะครับ เพราะส่วนประกอบหลักย่อมหนีไม่พ้นผักต่างๆ ซึ่งมีคำที่พูดกันเล่นว่า "ผักไร่ ไก่ตัว" ความหมายก็ตามชื่อเลยครับ ผักจะเยอะเต็มหม้อ ส่วนเนื้อสัตว์ถ้าคนที่ตักข้าวตักเจอเนื้อติดมาให้เรานั้น ถือว่าเป็นลาภปากในมื้อนั้นเลยนะครับ
ซึ่งเมนูยอดฮิตก็ต้องเป็นต้มล้อแม็ก หรือแกงส้มปลาระเบิด เลยครับมีทุกที่ทุกเรือนจำเลย ซึ่งต้มล้อแมกก็คือต้มหัวไชเท้านั่นเองครับซึ่งจะหั่นมาเป็นชิ้นใหญ่จึงเรียกว่าต้มล้อแมก ส่วนแกงส้มปลาระเบิดที่เรียกแบบนั้นเพราะว่าใช้เนื้อปลามาทำ ซึ่งในการทำนั้นเป็นหม้อใหญ่ ทำให้กว่าจะสุกนั้นเนื้อปลาก็จะกระจายหมดเหลือแต่ก้างนั่นเองครับ อาหารทั้ง 2 อย่างนี้ส่วนมากจะเป็นมื้อเช้าหรือมื้อเย็นครับ ส่วนมื้อกลางวันนั้นส่วนใหญ่เป็นอาหารจานเดียว เช่น ผัดซีอิ๊ว, ราดหน้า, ข้าวผัดและข้าวต้มครับ ไฮไลท์อยู่ที่ข้าวต้มครับเพราะกับข้าวที่ทานกับข้าวต้มนั้นคือ ผัดผักบุ้ง หรือผัดแตงกวา ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเข้ากันตรงไหนนะครับ พิเศษขึ้นมาอาจมีของหวานมาให้ด้วย เช่น ถั่วเขียวต้ม, เฉาก๊วย หรืออาจเป็นผลไม้ 2 - 3 ชิ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากวันไหนเป็นเมนูพะโล้นั้นบอกเลยครับโรงเลี้ยงแทบแตกเพราะผู้ต้องขังจะมารวมกันเพื่อทานไข่พะโล้กันแทบทุกคน ถือเป็นมื้อพิเศษที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ
Advertisement
Advertisement
แต่ถ้าหากผู้ต้องขังไม่อยากทานอาหารที่ทางเรือนจำจัดให้ก็สามารถสั่งกับข้าวที่อยากกินได้เช่นผัดกระเพราะ, หมูทอด, ไก่ต้มน้ำปลา, ส้มตำ เป็นต้น ซึ่งผู้ต้องขังต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อนะครับ ถุงหนึ่งก็ประมาณ 30 - 40 บาท ครับ แต่ถึงเรามีเงินไม่ใช่ว่าสั่งปุ๊บ ได้ปั๊บ นะครับเพราะถ้าเราสั่งวันนี้ก็จะได้กินพรุ่งนี้ ส่วนของกินต่างๆ เช่น นมกล่อง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ไอศครีม, กาแฟ, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ จะมีขายให้ผู้ต้องขังซื้อได้ตลอดทั้งวัน แต่จะจำกัดการใช้เงินคือให้ผู้ต้องขังใช้ได้ไม่เกินวันละ 300 บาท นะครับ
สุดท้ายคือเวลาในการรับประทานอาหารนั้น จะแบ่งเป็น 3 ช่วงก็คือ มื้อเช้า จะรับประทานช่วงเวลา 07.30 - 08.00 น. มื้อกลางวัน รับประทานช่วงเวลา 12.00 - 12.30 น. และ มื้อเย็น รับประทานช่วงเวลา 14.00 - 14.30 น. ซึ่งมื้อเย็นถือว่าทานเร็วมากจึงทำให้ช่วงเวลาหลังจากที่ขึ้นขังแล้วนั้นจะไม่สามารถมีของกินได้อีก ทำให้ผู้ต้องขังส่วนใหญ่มักจะหิวอีก ซึ่งต้องทนหิว ดื่มน้ำรองท้องไปจนกว่าจะถึงเช้าวันใหม่เลยทีเดียวครับ
Advertisement
Advertisement
เพื่อนๆ เห็นความยากลำบากภายในเรือนจำแล้วใช่ไหมครับว่ากินไม่หรู อยู่ก็ไม่สบายเลยนะครับ ผมจึงได้มาถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ที่ผมเคนได้รับว่าเป็นยังไง และเมื่อผมออกมาใช้ชีวิตในสังคมปกติแล้วนั้นทำให้ผมเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตจากเมื่อก่อนไปเลยครับ มีสติมากขึ้นแล้วก็ไม่ประมาท ไม่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายครับ สุดท้ายอยากฝากข้อคิดให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รู้ว่าการที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำนั้นลำบากสักแค่ไหน อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนใช้สติกันให้มากๆ อย่าใจร้อน อย่าประมาท อย่าทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย คิดถึงครอบครัวให้มากๆ เพียงแค่นี้เพื่อนๆ ก็จะห่างไกลจากเรือนจำได้อย่างแน่นอนครับ
สวัสดีครับ
ผมขอฝากเรื่องเล่า ชาวเรือนจำ ไว้ด้วยนะครับ ช่วยกดติดตาม กดถูกใจ ให้ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไป เพื่อนๆ สามารถกดอ่านเรื่องราวย้อนหลังได้นะครับ แล้วพบกันใน EP. ต่อไปนะครับ
เครดิตรูปภาพ
- ภาพที่1 / ducken99 / Pixabay
- ภาพที่2 / covertnine / Pixabay
- ภาพที่3 / Eva Bronzini / Pexels
- ภาพที่4 / minipukkik / Pixabay
- ภาพที่5 / Markus Winkler / Pexels
- ภาพปก / 0fjd125gk87 / Pixabay
อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ขอฝากผลงานการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองและเรื่องราวที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ความคิดเห็น