อื่นๆ

คืนหลอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
คืนหลอน

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ​ 5​ ปีก่อน​ มีเพื่อนบ้านของผมครอบครัวหนึ่ง​ ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน​ 4​ คน​ คือ​ พ่อ​ แม่​ พี่สาว​ น้องสาว​ หรือ​ ลุงโต​ ป้าจิ๋ม พี่ยา​ และน้องอุ๊​ ตามลำดับ

ลุงโตรับราชการทหาร​ ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัวเลยครับ​ ส่วนป้าจิ๋มเป็นแม่บ้านอยู่เหย้าเฝ้าบ้าน​ คอยหากับข้าวกับปลาให้สามีและลูก​ พี่ยาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่​ เพราะรับราชการครูอยู่ในกรุงเทพฯ​ จะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่บ้างแต่ไม่บ่อยนัก​ ส่วนน้องอุ๊​ ลูกสาวคนสุดท้องรับราชการเช่นกัน​ ทำงานอยู่ที่ว่าการอำเภอนี้เองครับ​ ตระกูลนี้รับราชการกันทั้งบ้าน

ช่วงหลังปีใหม่ครานั้น​ ลุงโตตั้งใจลาหยุดงานยาว 10​ วัน​ แกมีแผนการท่องเที่ยวให้กับครอบครัวไว้ว่า​ จะเดินทางไปเที่ยวประเทศลาว​กัน​ ซึ่งกำหนดการไปเที่ยวครั้งนี้จะเริ่มขึ้นในอีก 2​ สัปดาห์

Advertisement

Advertisement

ถึงกำหนดการที่ต้องไปเที่ยวแล้ว​ น้องอุ๊เป็นคนขับรถไปส่งพ่อกับแม่ขึ้นรถทัวร์​ ซึ่งพี่ยาและน้องอุ๊ไม่ได้ไปเที่ยวด้วย​ เพราะไม่สามารถลางานยาวได้เหมือนกับผู้เป็นพ่อ​ รถทัวร์จอดรออยู่ที่บริเวณจุดนัดหมาย​ ภายในเขตพื้นที่ที่ลุงโตทำงานอยู่​ มีรถทัวร์ท่องเที่ยวจอดรอติดกัน​อยู่ 2​ คัน​ น้องอุ๊ยังพูดบ่นเชิงแซวพ่อกับแม่ว่า​ เสียดายที่ไม่ได้ไปเที่ยว​ด้วยจังเลย​ แล้วก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตา​ เมื่อพ่อแม่ลงจากรถ​เรียบร้อย​ แม่ยังโบกไม้โบกมือส่งจูบมาให้น้องอุ๊ด้วย​นะ​

แม้ว่าน้องอุ๊จะมีอายุปาเข้าไปเลข​ 3​ แล้ว​  แต่ยังเป็นคนที่น่าห่วงที่สุดของพ่อแม่​ น้องอุ๊จะรู้สึกรักพ่อมากกว่าแม่​ เพราะแม่จะไม่ตามใจเหมือนกับพ่อ​ การห่างไกลกันหลายวันนั้น​ ทำให้น้องอุ๊รู้สึกคิดถึงพ่อมาก​

ลุงโตกับพี่จิ๋มเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยรถทัวร์​ 2​ ชั้น​ ทั้งคู่เลือกนั่งที่ชั้นล่างฝั่งซ้ายของตัวรถ​ พ่อนั่งชิดติดขอบหน้าต่าง​ ส่วนแม่นั่งชิดติดทางเดิน​ รถทัวร์วิ่งไปด้วยความเร็วปกติ​ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง​ จู่ๆ​ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น​ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก​ เสียงคล้ายกับรถชนเข้ากับบางอย่างอย่างจัง​ เสียงสนั่นจนพี่จิ๋มถลาล่วงตกลงร่องทางเดิน​ ทุกสิ่งที่อยู่บนชั้น​ 2​ ของตัวรถ​ ก็พังถล่มลงมาซ้ำอีกครั้ง​ พี่จิ๋มพลิกตัวคว่ำหน้าเอามือกุมหัวไว้​ ทุกอย่างสงบลง​ แต่บังเกิดเสียงคราง​ เสียงร้องขอความช่วยเหลือมาแทนที่​ พี่จิ๋มส่งเสียงเรียกพี่โต 2-3​ ครั้ง​ มีเสียงแกตอบกลับมาแผ่วๆ​ ทำให้พี่จิ๋มโล่งอกขึ้นมาทันที​

Advertisement

Advertisement

ทีมช่วยเหลือ​ แพทย์พยาบาล​ ตำรวจ หลายฝ่ายต่างเข้ามาช่วยเหลือกันชุลมุนวุ่นวาย​ พี่จิ๋มได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว​ พี่จิ๋มตกใจมากที่เห็นสภาพรถทัวร์แบบนี้​ และเพิ่งรู้ว่า​ รถทัวร์​ 2​ ชั้น​ ที่ตนเองและสามีนั่งมาจากลพบุรี​ เกิดประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุกอ้อย​ ทำให้ต้นอ้อยเจาะทะลุเข้ามาทางกระจกหน้ารถ​ โดยเฉพาะชั้น​ 2​ เสียหายมากจนพังถล่มลงมาทับผู้คนด้านล่างเสียชีวิตถึง​ 3​ คน​ ซึ่งพี่โต​ คือ​ 1​ ใน​ 3​ ของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้​ด้วย​ พี่โตคอหักตาย​ เพราะถูกคนที่นั่งบนชั้น​ 2​ ตกลงมาใส่ที่คอ พี่ยาและน้องอุ๊​ ได้รับข่าวร้ายจากแม่​ ซึ่งศพของพี่โตจะนำกลับมาลพบุรีในเย็นวันนี้เช่นกัน​ ญาติๆ​ ของพ่อได้เตรียมติดต่อวัดไว้เรียบร้อยแล้ว​

ศพของพี่โตถูกเคลื่อนย้ายมาทางรถยนต์ตั้งแต่บ่ายแล้ว​ มีค่าใช้จ่ายถึง​ 5,000​ บาท​ เป็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง​ น้องอุ๊รอรับศพของพ่ออยู่ที่วัดตั้งแต่เย็นเพียงลำพัง​ ความโดดเดี่ยวทำให้สมองครุ่นคิดไปว่า​ พ่อนั้นรีบตายเพื่อหนีความรับผิดชอบต่อครอบครัว​ ทำไมพ่อจึงตาย​ ทำไมไม่เป็นแม่เสียเองที่ควรต้องตาย​ น้องอุ๊พะว้าพะวงต่อว่าพ่อต่างๆ​ นานา​ อันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่า​ ผู้เป็นพ่อจะหยั่งรู้หรือได้ยินหรือเปล่านะครับ

Advertisement

Advertisement

รถส่งศพเคลื่อนตัวมาถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน​ น้องอุ๊ดีใจมากที่จะได้เจอพ่อ​ แม้จะอยู่ในสภาพที่ไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม​ ทันทีที่รถจอดสนิท​ แม่เป็นคนแรกที่ลงมาจากรถ​ สีหน้าของแม่ดูเศร้าโศกอย่างหนัก​ ใบหน้าของแม่เปอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำ​ตา​ น้องอุ๊ตกใจสุดขีด​ เมื่อคนที่ลงตามแม่มาเป็นคนที่​ 2​ คือ​ พ่อ​ นั่นเอง​ หัวใจน้องอุ๊เต้นแรงโดยอัติโนมัติ​ น้องอุ๊แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง​ ดีใจพร้อมกับกลัวสุดขีดที่เห็นพ่อแบบจังๆ​ พ่อพยุงแม่เดินมาหาน้องอุ๊ที่นั่งรออยู่ในรถอีกคัน​ น้องอุ๊รู้สึกสั่นๆ​ ขนหัวลุก​ จนกระทั่งแม่เดินมาถึงรถ​ พ่อก็หายไป​

แม่และน้องอุ๊เดินทางกลับบ้าน​ และทิ้งศพของพ่อไว้ให้สัปเหร่อจัดการเก็บศพไว้ในโรงเย็นก่อน​ พรุ่งนี้จึงจะดำเนินการตามประเพณีต่อไป​ น้องอุ๊เป็นคนขับรถพาแม่กลับบ้าน​ โดยทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยหรือซักถามอะไรกันเลย ขณะนี้ทั้งคู่ต่างมีอารมณ์ที่ต่างกัน​ พี่จิ๋มเศร้าโศกเสียใจที่ต้องมาสูญเสียสามี​ ส่วนน้องอุ๊เสียใจที่แม่ไม่ตาย​ ทำไมพ่อจึงตาย​ แม่ทำให้พ่อต้องตาย​

อีก​ 100​ เมตร​ จะถึงบ้านอยู่แล้ว​ น้องอุ๊สังเกตเห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าซอยทางเข้าบ้าน​ ภาพนั้นไม่ชัดเจนเท่าไร​ จนกระทั่งเข้าไปใกล้ร่างนั้นเรื่อยๆ​ ตายละ​ น้องอุ๊อุทานในใจ​ น้องอุ๊จอดรถสนิทที่ตรงหน้าบ้านพอดี​ น้องอุ๊เอี้ยวตัวไปมองแม่ที่นั่งอยู่เบาะหลัง​ น้องอุ๊ตกใจอีกครั้ง​ เมื่อเห็นพ่อนั่งอยู่ข้างๆ​ แม่​ ใบหน้าของพ่อมืดสนิท​ ร่างกายคล้ายโปร่งแสง​ พ่อนั่งก้มหน้า​ และไม่นานร่างนั้นก็หายไปเฉยๆ​

คืนหนึ่งในช่วงเวลาสวดอภิธรรมศพ​ เหล่าพระสงฆ์ก็ปฏิบัติกิจของสงฆ์​ เหล่าฆราวาสก็ร่วมฟังสวดศพ​ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาร่วมงานคืนนี้ด้วย​ เธอเข้าไปเรียกหาน้องอุ๊​ น้องอุ๊ทำหน้าตางง​ๆ​ เพราะไม่เคยรู้จักกันกับผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย เธอบอกกับน้องอุ๊ว่า​ "พ่อโตฝากมาบอกนะ​ อย่าโกรธพ่อเลย​ พ่อไม่ได้อยากทิ้งใครไปสบายคนเดียว​ แต่มันถึงเวลาตาย​ มันห้ามไม่ได้หรอกนะ" น้องอุ๊ถึงกับอึ้งกับคำพูดของใครก็ไม่รู้​ แต่ทำไมเขาถึงรู้เรื่องราวที่น้องอุ๊ต่อว่าพ่อไปวันนั้น​

หลังจากสิ้นเสร็จงานศพของพี่โต น้องอุ๊ก็ไม่เคยสัมผัส​หรือพบเห็นดวงวิญญาญของผู้เป็นพ่ออีกเลย​ พ่อคงอยากบอกให้ลูกเข้าใจแค่นี้กระมังครับ​ ส่วนน้องอุ๊ก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น​ ต้องดูแลแม่แทนพ่อ​ และต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองให้รักแม่ขึ้นบ้างนะครับ

ขอบคุณภาพจาก

Pexels จาก​ Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์