อื่นๆ
ขลุ่ยผี
เรือนปั้นหยาหลังใหญ่เห็นตะคุ่ม ๆ ในเงาสลัวมีชายฉกรรจ์เรียงรายอยู่แถวบริเวณบ้านหลายคน ท่าทางทุกคนหื่น ๆ กระหายเลือดทั้งสิ้นชายร่างอ้วนพุงพลุ้ยเดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยของลูกน้องล้วนมีอาวุธครบมือทั้งสิ้น "ทุกคนพร้อมกันแล้วนะโว้ยพวกเรา" กำนันแม้นถามเสียงเบาๆ "พร้อมแล้วครับ" คนหนึ่งตอบมา เรื่องมันมีอยู่ว่ากำนันแม้นจับได้ว่าชบาลูกสาวคนงามนัดกับหนุ่มคนรักจะพากันหนีไปในคืนนี้แต่ความกลับแตกเสียก่อนเพราะกำนันผุ้เป็นพ่อจับได้ สัญญาณนัดหมายของหนุ่มสาวคือเสียงขลุ่ยที่หนุ่มชู้รักจะเป็นผู้เป่าขลุ่ยเรียกหาเนื่องจากเจ้าพงษ์หนุ่มคนรักของชบาลูกสาวกำนันแม้น เป็นคนยากจนหากินเลี้ยงตัวเองยังไม่พอจึงทำให้กำนันรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
Advertisement
Advertisement
เรียกระดมชายฉกรรจ์ผู้เป็นลูกน้องมากหลายคนหวังเก็บเจ้าพงษ์ให้สิ้นซากไม่ให้มันมีชีิวิตอยู่ต่อไปไม่ต้องการเขยยากจนคนนี้ ชบาลูกสาวนั้นถูกล่ามโซ่อยู่บนเรือนสิ้นอิสรภาพหนีไปไหนไม่ได้แน่ "ถ้ามันแหยมเข้ามาในบ้านล่วงล้ำเข้ามาในพื้นดินแม้แต่คืบเดียว ยิงมันเลย" กำนันแม้นสั่งการเด็ดขาด "ทันใดนั้นทุกคนได้ยินเสียงขลุ่ยแว่วมาทำนองนั้นเป็นเพลงรักที่เรียกหา ไพเราะเสนาะโสตยิ่งนัก "ไอ้พงษ์มาแล้วมาเป่าขลุ่ยเรียกนางชบาลูกสาวของข้าแล้ว เตรียมตัว ให้มันเหยียบเข้ามาในบริเวณบ้านของข้ายิงมันได้เลยข้ารับผิดชอบทุกอย่าง" กำนันสั่งการแล้วก็เลี่ยงไปซุ่มตัวอยู่ในเงามืดแห่งนั้นอิ่มใจที่จะได้สังหารไอ้หนุ่มคนยากอย่างไร้ความปราณี เสียงขลุ่ยดังพักใหญ่ไม่มีควมเคลื่อนไหวใด ๆ มาจากชบาเพราะออกไปหาตามนัดไม่ได้เสียแล้ว เจ้าหนุ่มอึดอัดใจยิ่งนักอดทนรอต่อไปไม่ไหวผิดเวลาไปมากแล้ว มันจึงตัดสินใจย่อเข้าไปในพื้นดินของกำนันแม้นโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนซุ่มคอยเล่นงานอยู่แล้ว
Advertisement
Advertisement
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงบได้ยินแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องไห้ระงมฟังวังเวงจนขนลุก ผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วมันก็ไปซุ่มตัวในเงามืดแต่อนิจจามันได้ตกเป็นเป้าสายตาของชายฉกรรจ์ทุกคนแล้ว เสียงปืนแผดระงมขึ้นมาพร้อมกันทุกกระบอก “ปังๆๆๆ” “ปังๆๆๆ” มันดังจนหูดับตับไหม้เข้าเป้าทุกนัดเพราะเป็นระยะเผาขน ร่างบึกบึนของพงษ์สะดุ้งเฮือกเลือดสาดกระจายเต็มตัว มันโดนเข้าหลายนัดมัจจุราชไปรานีกระชากวิญญาณของมันให้หลุดลอยออกจากร่างไป กำนันแม้นไม่มีความผิดอ้างว่าพงษ์นำพวกหลายคนเข้ามาบุกปล้นพวกของพงษ์หนีไปได้หมดตัวพงษ์ถูกยิงตายคนเดียว ตายในบ้านของกำนันเท่ากับตายฟรี ชบาได้ยินเสียงปืนก็ร้องไห้โฮรู้ตัวดีว่าคนรักคงดับดิ้นสิ้นชีพไปแล้ว กำนันแม้นเข้ามาในห้องที่ล่ามโซ่ลูกสาวเอาไว้ “ไอ้พงษ์กลายเป็นผีเฝ้าบ้านไปแล้วสมน้ำหน้ามันเตือนแล้วห้ามแล้วไม่เชื่อนี่หว่า” “พ่อ พ่อใจร้ายยิงคนเหมือนยิงสัตว์เดรัจฉานหัวใจพ่อทำด้วยอะไรกันนะ” ลูกสาวต่อว่าพ่อทั้งน้ำตา “เอ็งไม่ต้องมาพูดไม่ต้องร้องไห้พ่อเตือนเอ็งแล้วว่าไม่ให้คบกับไอ้พงษ์เอ็งก็ไม่ฟังซ้ำยังคิดจะหนีตามกันไปอีกมันตายก็ดีแล้วสมน้ำหน้ามัน” “ฉันจะฆ่าตัวตาย” ลูกสาวว่า “ถ้าเอ็งคิดจะทำ ข้าก็จะขับเอ็งไว้อย่างนี้แหละไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันละ”
Advertisement
Advertisement
“พ่อใจร้ายไม่นึกเลย” “เตรียมตัวไว้เหอะข้าจะให้เอ็งแต่งงานกับไอ้กมลลูกชายเจ้าของโรงสีเร็ว ๆ นี้แหละ” “ฉันไม่แต่งฉันยอมตายเสียดีกว่า” ลูกสาวยืนยัน “เอ็งจะทนหวายลงหลังได้ก็ให้มันรู้ไปสิวะ” กำนันเอ่ยอย่างเคียดแค้นแล้วเดินออกไป นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาชบาถุกเฆี่ยนด้วยหวายทุกวันจนหลังไหล่แตกยับต้องรับปากยอมแต่งงานกับกมลลูกชายเถ้าแก่โรงสี ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมปล่อยตัวให้เป็นอิสระจนถึงวันแต่งงานจึงถุกปล่อยตัวแต่ก็มีผู้หญิงมาควบคุมถึง 3 คนช่วยแต่งหน้าแต่งตัวให้เจ้าสาว แขกเหรื่อมากันมากมายเพราะกำนันแม้นเป็นคนมีชื่อเสียงมีเงินทองในระดับเศรษฐี ฝ่ายกมลลูกชายเถ้าแก่โรงสีก็มีเพื่อนมากมายเป็นคนรวยเช่นกัน เข้าทำนองเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย แขกมากันเต็มลานบ้านโต๊ะเต็มหมดทุกโต๊ะพลบค่ำยิ่งน่นขนัด เจ้าบ่าวเจ้าวสว เดินเคียงคู่กันต้อนรับแขก สายตาทุกคู่มองอย่างชมเชย เจ้าบ่าวก็หล่อเจ้าสาวก็สวยสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทุกคนกำลังดื่มสุราผสมกับแกล้มกันอย่างสนุกสนานและครื้นเครง มีเสียงขลุ่ยดังกังวานขึ้นมาเป็นทำนองเพลงรักโหยหวนชวนขนลุก น่าอัศจรรย์แขกที่มาในงานแตกตื่นกันหมดอยู่ดี ๆ มีคนมาเป่าขลุ่ยมองหาคนเป่าไม่เจอมันชักจะยังไงกันเสียแล้ว เจ้าบ่ายคือนายกมลยืนขาแข็งหน้าซีดจนเขียวแล้วล้มลงไปทำเอาแตกตื่นกันทั้งงาน “เจ้าบ่าวเป็นลมไปแล้วช่วยกันหน่อย” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น
หลายคนกรูกันเข้ามาปฐมพยาบาลช่วยกันคนละไม้คนละมือ “เจ้าบ่ายตายเสียแล้ว” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นสร้างความแตกตื่นให้ทุกคนอย่างยิ่ง การแต่งงานต้องล้มเลิกเพราะไม่มีเจ้าบ่าว หมอประจำหมู่บ้านตรวจดูก็ไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวเป็นอะไรตายกันแน่ พากันทยอยกลับไปด้วยความหดหู่เสียใจไปตามตามกัน แต่ชบากลับหัวเราะออกมาได้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที กำนันแม้นพูดไม่ออกเดินก้มหน้าขึ้นไปบนเรือนด้วยความเศร้าที่หน้าบ้านไม่มีผู้คนเหลืออยุ่นอกจากชบาคนเดียเท่านั้นเสียงขลุ่ยดังแว่วมาอีก ชบาเดินออกไปจากบ้านตามเสียงขลุ่ยที่วิเวกแว่วหวาน หายไปในความมืด ชบาหายไปเสียแล้วทำให้กำนันแม้นตกใจมากสั่งคนในบ้านทุกคนออกตามหา ลูกน้องมากี่คนเรียกให้ไปตามหาลูกสาวกันหมด “มันไปไหนเอาตัวมันกลับมาให้ได้ ข้าจะหาผัวให้มัน เป็นการแก้หน้า” เสียงขลุ่ยจางหายไปแล้วลูกน้องกำนันนับสินเดินทางออกติดตามช่วยกันหาจ้าละหวั่น ตามคำสั่งของกำนันแม้นต้องเอาตัวกลับมาให้ได้ ทุกคนเดินไปตามคันนามุ่งหน้าไปยังบ้านขอพงษ์ไอ้หนุ่มที่ถูกยิงตายไปแล้วไม่รู้ว่าอะไรทำให้พงษ์ไปที่นั่น
จนถึงหน้ากระท่อมของพงษ์ที่ตายเพราะความรัก ทุกคนต้องพากันหยุดชะงักขนลุกซู่ไปตาม ๆ กันเมื่อเห็นแสงตะเกียงในกระท่องสว่างวอมแวมเหมือนมีคนอยู่ “มันยังไงกันนะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้นลูบแขนของตัวเองเพราะขนลุก “มันเป็นกระท่อมร้างตั้งแต่ไอ้พงษ์ตายไปแล้วใครมาอยู่กับมันกันแน่” “ไม่ต้องกลัวเข้าไปดูใกล้ ๆ มันต้องเป็นคนไม่ใช่ผีหลอก” อีกคนหนึ่งทำใจกล้าเดินหน้าเข้าไปทำให้ทุกคนคอยเดินตามไปด้วย ไปถึงประตูหน้ากระท่อมก็ได้ยินเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุข “เสียงใครกันว่ะ” พากันกระซิบกระซาบ “ใครอยู่ข้างในเปิดประตูหน่อย” แข็งใจเรียกออกไป เงียบไปชั่วครูประตูจึงเปิดออกช้า ๆ ร่างที่โผล่ออกมายืนตะหง่านคือร่างของพงษ์ที่ทั่วร่างยังมีเลือดเกาะ หน้าตาของมันก็คือผีตายซากเราดี ๆ นี่เอง “ผีหลอก ผีหลอก” “ผีไอ้พงษ์หลอก”
ลูกน้องของกำนันแม้นวิ่งเตลิดกลับมาที่บ้านของกำนันรายงานปากคอสั่นไปหมด “เอ็งจะบ้าหรือไงวะไอ้พงษ์มันตายไปแล้วจะปรากฏร่างให้เห็นได้ยังไง” “กำนันไปดูสิไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง” “อย่างนั้นก็พาข้าไป” ย้อนกลับไปอีกครั้งหนึ่งคราวนี้มีกำนันไปด้วยมีไฟฉายเพิ่มไปหลายกระบอก ถึงหน้ากระท่อมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเปิดประตูกระท่อมเข้าไปกลับได้พบร่างชบาในชุดเจ้าสาวนอนหงายแผ่กลางดินสิ้นใจตายไปแล้ว กำนันแม้นเข้าไปกอดลูกสาวร้องไห้ออกมาดัง ๆ “ไม่เคยเลยที่จะไปขัดขวางความรักของเอ็ง ให้เอ็งแต่งงานกันเองคงไม่ตายหรอก ไอ้พงษ์เอาคนรักของมันไปจนได้น่าสงสารนางชบาจริง ๆ มาด่วนตายเมื่อยังสาว
ความคิดเห็น