อื่นๆ

ศพนิรนามริมถนนสายเปลี่ยว

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ศพนิรนามริมถนนสายเปลี่ยว

ความจริงมีคนเตือนเขาหลายครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีประโยชน์อะไร

“มีคนตายอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งจากอุบัติเหตุแปลก ๆ  ทั้งจากเรื่องเหลือเชื่อ มีคนเห็นอะไรบางอย่างโผล่พรวดพราดออกมาตัดหน้ารถกลางวันแสก ๆ”

เขาหัวเราะ

“อ้าวไม่เชื่อเหรอ”

“เชื่อครับ แต่...ถนนเส้นนั้นมันใกล้บ้านผมที่สุด”

“ก็เสียเวลาซักหน่อยจะเป็นไรไป เพื่อความปลอดภัย”

“ตั้งแต่มาอยู่นี่ ผมยังไม่เคยได้ยินไอ้เรื่องที่คุณเล่าเลยนะครับ”

เขาให้เหตุผลแสดงอาการตัดบท

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องความน่ากลัวอะไรเลย มีคนพูดถึงถนนสายเปลี่ยวเส้นนั้นบ้างอยู่หรอก เขาก็แสร้งทำหูทวนลม ไม่ค่อยอยากจะรับรู้อะไร เพราะพิจารณาแล้วว่า นี่คือเส้นทางที่จะทำให้เขากลับถึงบ้านไว ประหยัดน้ำมันมากที่สุด นั่นต่างหากล่ะคือประเด็น

จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่ง....

เขาขับรถกระบะคันบุโรทั่งเฉียดกรายไปยังบริเวณนั้น  ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัดของบรรยากาศ ขนาดว่าไม่ใช่คนขี้ขลาดอะไร ยังอดหวั่น ๆ ไม่ได้ ยิ่งในอีกหลายวันต่อมาเกิดรถเสียตรงบริเวณดังกล่าว กว่าจะแก้ไขได้ เสียเวลาเกือบชั่วโมง

Advertisement

Advertisement

เขาจึงยิ่งรู้ว่า บรรยากาศอันชวนให้ขนหัวลุกนี้ มันทำให้อกสั่นขวัญแขวนได้ไม่ยาก เพิ่งได้รู้จริง ๆ เวลาคนเราเกิดอาการไม่เหลือความเชื่อมั่นใด ๆ หลงเหลืออยู่ ขี้ขลาดตาขาวนั้นเป็นอย่างไร

แต่ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นไรก็ตาม เขาก็ยังเลือกเส้นทางสายเปลี่ยวเป็นเส้นทางผ่านอยู่ดีอย่างไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น

อาชีพการเป็นพ่อค้าเร่ตามตลาดนัด สินค้าที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากนัก อาศัยแค่ความขยันเข้าว่า

เขาเป็นพ่อค้าลูกโป่งสวรรค์

จำได้ว่า เงินก้อนสุดท้ายที่นำมาลงกับอุปกรณ์ทำมาหากินชุดนี้ เป็นเงินที่ได้รับจากที่ทำงานเก่า ในวัยเกือบห้าสิบแล้ว ภาระทางบ้านเยอะ

ลูกสามคน เมีย ญาติทางเมียยังหมั่นแวะเวียนเข้ามาขอความช่วยเหลือ

เขาไม่ได้บ่นอะไร เพราะถือว่าถ้าหากยังมีแรงอยู่ พอมีเหลือสงเคราะห์กันได้ก็ควรจะทำ พอมีความเครียด การได้ออกมาขายของ ไม่เพียงแค่เป็นการหาเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังหมายถึงการได้เห็นผู้คนมากมาย ได้พูดคุยกับเพื่อนพ่อค้าเร่ด้วยกัน

Advertisement

Advertisement

แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น และแต่ละคนก็มีวิธีการปลดปล่อยที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเขา การได้ออกมาข้างนอกนี่แหละ นอกเหนือจากนี้ยังได้อานิสงส์ทำให้ครอบครัวมีความสุขสงบเรียบร้อย ไม่มีปากเสียง

เขาไม่เคยทะเลาะกับภรรยาเลย การนิ่งเงียบของเขามีส่วนช่วยได้มากทีเดียว ไม่จำเป็นจะไม่ต่อปากต่อคำ

เขามองลูก ๆ ทั้งสาม อายุไล่เลี่ยกันในชุดนักเรียนสีมอซอ แต่สะอาดสะอ้านเพราะการดูแลเอาใจใส่ของภรรยา

ข้าวของที่ลูก ๆ ใช้นั้น ส่วนใหญ่ได้มาจากของบริจาคมากกว่า ไม่ค่อยได้ซื้อหามาใช้ ใคร ๆ เห็นก็จะนึกสงสารให้ข้าวของมาเยอะแยะ โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้า

เขาเป็นคนที่ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ส่วนใหญ่จะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด เพราะยังถือว่ายังมีเรี่ยวมีแรง ไม่ใช่คนพิการไร้ความสามารถเสียเมื่อไหร่

เขาไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่ม

Advertisement

Advertisement

เงินทุกบาทจะลงไปกับของสำหรับการค้าเท่านั้น ถึงเพียงนี้แล้วก็ไม่เห็นว่าจะร่ำรวยขึ้นมาแต่อย่างใด ด้วยภาระมากมายดังกล่าวนั่นเอง

เขาเตรียมของออกไปขาย บอกภรรยาว่าอาจจะกลับดึกหน่อย เพราะระยะทางที่จะไปค่อนข้างไกลทีเดียว ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ด้วย

มันเป็นคืนวันศุกร์ ต่อเนื่องวันเสาร์ด้วยแหละ จึงทำให้งานล่าสุดที่ไป ขายได้ค่อนข้างดีทีเดียว อยู่จนดึก ตอนขายยังคึกคักอยู่ แต่ขากลับโดยเฉพาะเมื่อจะต้องผ่านเส้นทางเปลี่ยวนั้น หัวใจกลับเต้นรัวเร็วอย่างชนิดไม่สามารถสะกดกลั้นเอาไว้ได้

เขาภาวนาว่าขออย่าให้พาหนะคู่ชีพอย่าได้เป็นอะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล จู่ ๆ รถที่แล่นมาด้วยความปกติด้วยความระมัดระวังอย่างสุดกำลังของเขา กลับค่อย ๆ สะดุด เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่า รถคู่ชีพทรยศเสียแล้ว

เป็นการทรยศอย่างจงใจด้วย!

พลันที่เสียงเครื่องยนต์ดับวูบลง ที่ได้ยินต่อมาอย่างชัดเจนก็คือจังหวะหัวใจที่เต้นรัว แม้พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง หรือปลุกปลอบสักเพียงใดก็ไม่เป็นผล

เขาจำเป็นต้องเปิดประตูก้าวออกไปพร้อมกับไฟคาดหัว

เวลาขณะนี้น่าจะประมาณตี 3 ของวันใหม่

เขากดไฟฉายกราดไปรอบ ๆ เห็นแต่เงาตะคุ่มประหนึ่งเงาของภูตผีปีศาจอย่างนั้นแหละ เสียงกลางคืนใครว่าสงัด

หรีดหริ่งเรไรรวมถึงนกแสก ดังสะท้านอย่างจงใจเข้ามาเขย่าหัวใจของเขา

เขาบ่นงึมงำ ระหว่างที่กำลังเปิดฝากระโปรง เพื่อตรวจดูอาการผิดปกติ ความจริง เขาค่อนข้างมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกอยู่บ้าง ไม่งั้นคงไม่สามารถใช้รถบุโรทั่งคันนี้ได้อย่างยาวนานหรอก

ตรวจเช็กเบื้องต้น แล้วกลับไปสตาร์ทเครื่องอีกรอบ

ไฟไม่มี แบ็ตฯ หมดเกลี้ยง

มีแบ็ตเตอรี่สำรองอยู่ที่กระบะท้าย แต่มันมีข้าวของอย่างอื่นวางทับอยู่ ต้องเสียเวลารื้อข้าวของออกอีกสักพัก

ตลอดเวลาที่ทำโน่นนี่ ไม่อาจทำให้ความรู้สึกของเขาเป็นอย่างอื่นไปได้ เขาไม่เคยรู้สึกหวาดหวั่นอะไรถึงเพียงนี้

แซ๊กกกกกก!

เสียงนกลั่นขึ้น ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือก ไฟที่คาดหัวอยู่ไหววูบเพราะการหันเหลียวแลมองหาที่มา พร้อมกับเสียงสบถลั่น ไม่เพียงแค่หัวใจหรอกที่กระตุกเต้นผิดจังหวะ ยังมีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา ทั้ง  ๆ ที่อุณหภูมิเวลานี้ค่อนข้างเย็นด้วยซ้ำ

ระหว่างที่กำลังพยายามจะเชื่อมสายไฟเพื่อต่อแบ็ตเตอรี่  จู่  ๆ เสียงคำรามของเครื่องยนต์กลับดังขึ้น ราวกับมีอีกคนประจำการอยู่หลังพวงมาลัย!

เขาผงะ ถอยหลัง ใบหน้าซีดเผือด และก่อนที่สติจะวิปลาสไปมากกว่านี้  รถยนต์ที่ฝากระโปรงยังเปิดค้างอยู่ และเครื่องยนต์ที่ติดขึ้นมาเองก็พุ่งเข้าหา

“โอ๊ะ!”

มีโอกาสได้หลุดปากเพียงเท่านั้นจริง ๆ

โครมมม!

เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดสุดชีวิตตอนที่ถูกแรงกระแทกจนร่างกระเด็น  ดูเหมือนว่าจะยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะ...รถพุ่งขึ้นไปเหยียบซ้ำ ก่อนจะหล่นลงข้างทาง เสียงเครื่องยนต์ดับวูบลง

ไม่มีช่วงเวลาใดที่จะสงัดวิเวกวังเวงมากไปกว่านี้อีกแล้ว เสียงนกที่ออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืน ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้อีกแล้ว

ไม่รู้ว่าสิ้นสติไปนานแค่ไหน  เพิ่งมาได้สติอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงผู้ชายหลายคนกรูกันเข้ามาลากร่างของเขาเข้าข้างทาง

เขารับรู้ว่ามีการค้นหาทรัพย์สินในตัวของเขา

เงินทั้งหมดที่ได้จากการขายของอยู่กระเป๋าคาดเอว

มีคนดึงเอาไป ได้ยินเสียงสนทนาอื้ออึง

น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ความรู้สึกที่รับรู้ได้เวลานี้มีเพียง...คิดถึงครอบครัว คิดถึงลูก ๆ ทั้งสามคนของเขา คิดถึงภรรยา

พวกเขาคงรอการกลับไปของเขา

ภรรยาที่เขาเคยรู้สึกว่าเธอขี้บ่นเหลือเกิน แท้จริงคงนอนไม่หลับเหมือนกันนั่นแหละ ความจริงแล้ว เธอรักเขามาก เขาก็เช่นกัน แต่ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานาน จึงแทบไม่เหลือความหวานใด ๆ ให้แก่กัน

เขาได้ยินเสียงหึ่ง ๆ อยู่รอบ ๆ ตัว ตอนแรกยังคิดว่าเป็นเสียงยุง แต่แล้วเสียงหึ่ง ๆ รอบ ๆ ตัวนั้นก็ดังมากยิ่งขึ้น ทว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้กับเขา มีเพียงความรู้สึกคิดถึงบ้านเหลือเกิน รถของเขายังอยู่ในสภาพพุ่งตกจากถนน

ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่เหลือพลังงานใด ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่มันเป็นวันอะไรนะ เสาร์... ไม่ใช่ น่าจะเข้าสู่วันอาทิตย์แล้ว เหลือเพียงแค่ฟ้าสางวันใหม่ก็จะเป็นกลางวันของวันอาทิตย์

เขายังอยู่ที่นี่ อยู่เพื่อรอคอยอะไรไม่รู้

เขาควรจะรีบไป เดินเท้าเอาก็ได้

บรรยากาศรอบกาย เพิ่งตั้งใจฟังจริง ๆ ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย มีแต่ความเงียบสงบ สมกับเป็นทางเปลี่ยวนั่นแหละ

ความจริง เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ อาจเป็นด้วยวัยก็ได้ หลายครั้งที่กลับบ้านแล้วไปเจอความวุ่นวาย ก็นึกอยากหนีออกไปอยู่คนเดียวสงบ ๆ แต่ด้วยอาชีพของเขา จะให้สงบอย่างที่ต้องการมันไม่ได้ ที่ตลาดนัดทุกตลาดนัดล้วนเต็มไปด้วยความคึกคักวุ่นวายทั้งนั้น

ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เสียงหึ่ง ๆ เริ่มมากขึ้น และเมื่อพิจารณาให้ดี เขาถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะเสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงบินของยุงอย่างที่เข้าใจในตอนแรก กลับกลายเป็นแมลงวันหัวเขียว!

คุณพระช่วย!

ร่างที่นอนขดคู้เริ่มบวมเขียว แมลงวันเข้ามาตอมและไข่ทิ้งเอาไว้ในดวงตา ในใบหู รูจมูกซึ่งมีเลือดปนน้ำหนองไหลออกมา

เขานึกอยากร้องไห้ออกมาสุดเสียง เพราะได้รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขาคือศพที่นอนขดคู้และเริ่มบวมฉึ่งขึ้นมาศพนั้น

เขายังไม่อยากตาย

เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงภรรยา คิดถึงลูก ๆ ทั้งสามคนของเขา

ความทุกข์โศกถาโถมเข้ามาหา แต่...ไม่มีกระทั่งน้ำตาจะหลั่งริน ไม่มีกระทั่งน้ำเสียงที่จะเปล่งออกมา ใครก็ได้ช่วยเขาที

ยิ่งสว่าง ยิ่งมองเห็นสภาพศพว่าบวมฉึ่ง ผลิตผลจากเหล่าแมลงวัน ทำให้เกิดเป็นตัวหนอนขาว ๆ เล็ก ๆยั้วเยี้ย พวกมันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังพากันฝังลงไปในส่วนที่เป็นโพรงของร่างกาย

เขาเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น พยายามตะโกนให้สุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้ว่าไม่มีใครได้ยินเลยก็ตาม

ภาพโดย Peter H จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์