อื่นๆ

สวยกระสือ

130
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สวยกระสือ

ฝนตกหนักในช่วงหัวค่ำ ผืนดินชุ่มฉ่ำ  ท้องฟ้าหลังเที่ยงคืนพร่างพราวด้วยแสงดาริกา  อากาศเย็นเหมาะสำหรับการซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม   หมาตัวที่ขยันที่สุดยังขดตัวอยู่ใต้ถุน  หรีดหริ่งเรไรกรีดเสียงระงม  หิ่งห้อยอวดแสงวิบวอมของมันอยู่ตามกอหญ้า

หนุ่มใหญ่วัยสามสิบตอนปลายนอนขดตัวอยู่ในกระท่อมสวนยาง  กองฟืนที่จุดเพื่อไล่แมลงนั้น  คงจะมอดดับนานแล้ว  อากาศจึงเย็นจนหนาวสะท้าน  เสียงกบเขียดอึ่งอ่างร้องระงม    ความหนาวเย็นไม่ได้มีอำนาจนัก  เพราะหลายวันมานี้กับข้าวอดอยากฝืดเคืองเหลือเกิน  กับข้าวที่นายหัวเจ้าของสวนยางซื้อมาให้เป็นเสบียง  ก็ฝืดคอกลืนไม่ลง

เขาลุกขึ้น  ควานหาไฟคาดหัว  คว้าข้องสะพาย  ปิดหัวด้วยหมวกแล้วก้าวออกจากกระท่อม  เพื่อส่องสัตว์  หนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบอย่างเขา  เรื่องผีเรื่องสางไม่เคยมีอยู่ในความคิด  ไม่อย่างนั้นคงมาประกอบอาชีพเป็นคนกรีดยางไม่ได้  แสงไฟฉายสาดไล่ความมืด  สิ่งมีชีวิตที่ถูกแสงไฟกระทบนั้น  ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้า  อึ่งอ่างตัวใหญ่ๆส่งเสียงระงม 

Advertisement

Advertisement

คืนนี้คงไม่มีใครออกมาจับ  อึ่งอ่างถึงได้มากมาย  หนุ่มใหญ่เดินให้พล่าน  ข้องขนาดใหญ่อัดแน่นไปด้วยสิ่งมีชีวิตผู้น่าสงสาร   เพียงไม่ถึง 30 นาทีต่อมา  อึ่งอ่างเต็มข้อง  หนุ่มใหญ่จำเป็นต้องหันกลับ เดินดุ่มๆเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงกระท่อม  เขาตั้งใจจะนำอึ่งอ่างไปเก็บใส่โอ่งไว้ก่อน  แล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง

หัวใจเริงร่า  เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมของอึ่งย่างในวันพรุ่งนี้  อีกอย่างได้มากขนาดนี้คงกินไม่หมดคนเดียว  จะได้เอื้อเฟื้อไปยังเพื่อนบ้าน  และวินาทีนั้น  ใจก็กระหวัดถึงใครอีกคนที่อยู่สวนยางถัดไป 

นางคำ…

สาวใหญ่วัยห่างจากเขาเพียงแค่ปีเดียว  เป็นหม้ายลูกติด  เขาเองไม่กล้าจีบเกี้ยวเยี่ยงหนุ่มสาว  นอกจากสนทนาพาทีธรรมดา  เลียบเคียงถามชาวบ้านที่อยู่มาก่อนก็ไม่ได้เรื่องอะไรมาก  เพราะนางคำไม่ค่อยสุงสิงกับใคร 

นางมาจากที่อื่นเหมือนเขา  มีเงินมาก้อนหนึ่ง  ลงทุนซื้อสวนยาง  ปลูกบ้านหลังเล็กๆอาศัยอยู่กับลูก 2 คน  อาจเป็นเพราะความเป็นผู้หญิงด้วย  นางจึงไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครให้มากความ   การอยู่ตามลำพังอาจจะดูไม่ปลอดภัยไปบ้าง  แต่ในความเห็นของนาง  การรู้จักคนมากๆ  อาจจะนำมาซึ่งอันตรายมากกว่า

Advertisement

Advertisement

หนุ่มใหญ่รู้จักกับนางโดยบังเอิญ  นางถูกตะขาบกัดในกลางดึกวันหนึ่ง    เขากรีดยางอยู่ในสวนใกล้สวนของนาง  ได้ยินเสียงร้องจึงถือวิสาสะข้ามเส้นลวดไปดู  เห็นนางนั่งร้องครวญครางอยู่  เขาพอจะรู้เรื่องหยูกยาสมุนไพรอยู่บ้างจึงให้การช่วยเหลือ

นั่นคือการพบกันครั้งแรก

หนุ่มใหญ่ยังพยายามหาทางเพื่อจะเจอกับนางในช่วงเวลากลางวันบ้าง  แต่เนื่องจากงานกรีดยางนั้น  มันทำให้เวลาในกลางวันหายไป   การเจอกับนางจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก 

แค่นึกถึงเหตุการณ์บังเอิญคราวนั้น  หัวใจของหนุ่มใหญ่ก็เต้นรัวผิดจังหวะราวกับยังเป็นหนุ่มน้อยอยู่ก็มิปาน   แต่แล้ว...อะไรบางอย่าง  ทำให้ความคิดของเขาสะดุดกึก  จริงสิ  เคยมีคนบอกว่านางคำไม่ใช่คนธรรมดา    เพราะคนธรรมดาที่ไหนจะไม่ยอมสุงสิงหรือพบปะเข้าสังคมกับเพื่อนบ้าน  มันออกจะน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย

ปากของคนยาวกว่าปากกา  เป็นคำพูดที่ไม่ผิดจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย  ไปๆมาๆ  กลายเป็นว่านางคำอาจเป็นพวกเล่นของ  เพราะคนพวกนี้มักไม่สุงสิงกับใครนั่นเอง  หนุ่มใหญ่ไม่แน่ใจนักว่า  นางจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดของชาวบ้าน   เนื่องจากไม่เคยได้ยินว่านางจะมีปากมีเสียงกับใคร  หรือแม้แต่การออกมาเพื่อแก้ตัวว่าตนเองไม่ใช่อย่างที่ถูกพูดถึง  

Advertisement

Advertisement

หนุ่มใหญ่เผลอถอนใจเฮือก  และในฉับพลันนั้นเอง  เขากลับต้องหยุดชะงักกึก  เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแสงไฟ...

แสงไฟสีเขียววูบวาบ  โฉบลงสู่พื้นแล้วทะยานขึ้นเหนือยอดไม้ 

หนุ่มใหญ่สะดุดตาที่แสงสีเขียวค่อนข้างจัดจ้าราวกับตะเกียงเจ้าพายุ  มันคือแสงอะไรกันแน่  ความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นมาในบัดดล   เขาตัดสินใจดับไฟแล้วก้าวอย่างเร่งรีบเพื่อติดตามดวงไฟประหลาดทันที  น่าแปลก...  ดวงไฟมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เขาเพิ่งจากมา   มันมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่มีอึ่งอ่างชุกชุม 

หนุ่มใหญ่ก้าวยาวๆเพื่อติดตามดวงไฟประหลาดให้ทัน   ในที่สุด ไฟสีเขียวดวงใหญ่ก็โฉบวูบระเรี่ยพื้นดิน  เขาหยุดชะงักเพ่งมองไปยังตำแหน่งของดวงไฟ  ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที  เพราะสิ่งที่มองเห็นนั้นแทบไม่เชื่อสายตา

มันคือส่วนศีรษะของผู้หญิง  เส้นผมยาวสยาย  ส่วนที่ห้อยลงมานั้นก็คือเครื่องใน  ล้วนเป็นอวัยวะภายในของมนุษย์

ถ้าเช่นนั้น  สิ่งที่เขามองเห็นในขณะนี้ก็คือ  กระสือ!

หนุ่มใหญ่ไม่ใช่คนกลัวผี  ไม่เคยเห็น  และไม่เคยมีเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่ในความคิดเสียด้วยซ้ำ  ดังนั้นภาพตรงหน้าจึงไม่ได้ทำให้เขาเกิดอาการช็อก  แค่ตกตะลึงอยู่สักพักหนึ่งแล้วความคิดบางอย่างก็วาบเข้ามาในหัว  เขาตัดสินใจก้าวเข้าไปหา  ตั้งใจจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา  ทว่า... แค่ขยับตัว  ดวงไฟสีเขียวก็ทะยานขึ้นเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนเห็นแล้ว

หนุ่มใหญ่วิ่งตาม  ข้องที่ใส่อึ่งอ่างถึงกับฝาเปิด  อึ่งหลายสิบตัวหลุดออกจากข้องเรี่ยราดไปตามรายทาง  วิ่งตามจนเหงื่อโชกจนกระทั่งดวงไฟสีเขียวหายวับไป   หนุ่มใหญ่ตั้งสติกวาดสายตามองไปรอบกายแล้วบอกกับตัวเองว่า  ที่นี่คือสวนยางของนางคำหญิงหม้ายคนนั้น

หรือว่า...  นางคำจะเป็นอย่างคำของชาวบ้าน

พอเกิดความคิดดังกล่าว  หนุ่มใหญ่ก็รีบสลัดทิ้งจากหัว  เขาไม่มีทางเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น  นางคำเป็นคนดี  นางเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพังถึงสองคน

อันที่จริง  ลำพังแค่การทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองก็หนักหนาสาหัสเกินพอแล้ว  หนุ่มใหญ่คิดเช่นนั้นจริงๆ   และเขาเกือบลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้ว  วันรุ่งขึ้น  หลังจัดการเรื่องปากท้องเรียบร้อย  อาหารโอชะก็คืออึ่งย่างกับต้มอึ่งใส่ใบมะขามอ่อน  หนุ่มใหญ่ขี่จักรยานเข้าหมู่บ้าน  เพราะมีอึ่งเหลืออยู่  ถ้าเปลี่ยนมาเป็นเงินบ้างก็น่าจะดีกว่า  กินเองสองสามมื้อก็เบื่อแล้ว

หนุ่มใหญ่ขายอึ่งอ่างได้ทั้งหมด  คนต้องการ  เพราะเมื่อคืนไม่มีใครกล้าออกมาจับเลย  สาเหตุก็คือกลัวผีกระสือ    หนุ่มใหญ่อดสะดุ้งไม่ได้  จากคำพูดของชาวบ้าน  แสดงว่ามีคนรู้เรื่องกระสือหมดหมู่บ้านแล้ว  มีเขาเองเท่านั้นที่ยังไม่เชื่อหรือไม่ได้สนใจกับเรื่องแบบนี้นัก

หนุ่มใหญ่ขี่จักรยานกลับสวน  ใจคอไม่สู้ดีเลย  เวลานี้นึกเป็นห่วงนางคำมากกว่าเรื่องอื่น  เพราะจากการสังเกต  ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจ ต่อให้กระสือไม่ได้ทำอันตรายให้กับใคร  แต่ก็ทำให้คนกลัว  โดยเฉพาะคนที่ต้องออกมากรีดยางกลางคืน

หนุ่มใหญ่พยายามสลัดเรื่องของนางคำทิ้ง  เพราะเขาเองก็เป็นคนต่างถิ่น  มาอาศัยอยู่หมู่บ้านนี้  ขืนออกตัวเพื่อปกป้องนาง  หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ ต้องได้รับผลกระทบจากกรณีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย  แต่เขาจะยินยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งกับลูกๆของนางถูกปองร้ายจากกลุ่มชาวบ้านได้ลงคอเชียวหรือ?  หนุ่มใหญ่คิดหนัก

นาทีนั้น  เขาตัดสินใจเด็ดขาดว่า  ควรจะบอกให้นางคำรู้ตัวล่วงหน้า  เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้มีทางหนีทีไล่  หนุ่มใหญ่นำอึ่งอ่างย่างอีกส่วนหนึ่ง ใส่ถุงหิ้วติดไม้ติดมือไปหานางคำ 

บริเวณบ้านของนางคำสะอาดสะอ้าน  แม้บ้านจะหลังเล็กๆ แต่บริเวณโดยรอบจัดแต่งอย่างลงตัว  มีผักสวนครัว  มีการปลูกไม้เลื้อยกำลังออกดอกออกผล   มีพริกสองสามพุ่มใหญ่กำลังผลิดอก  บรรยากาศเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ 

หนุ่มใหญ่หันรีหันขวาง   ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“คุณคะ”

หนุ่มใหญ่หันไปมอง  หัวใจเต้นรัวผิดจังหวะขึ้นมาทันที   นางคำคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกระสือยืนอยู่ในระยะได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนกาย 

“ผมเอาอึ่งย่างมาฝากครับ” เขาพูด  รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองฟังดูตะกุกตะกัก  ไม่มีความมั่นใจสักนิดเดียว  นางคำยิ้ม  รอยยิ้มของนางยิ่งทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่เต้นผิดจังหวะ   ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเกิดความรู้สึกราวกับเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสาได้น่าอายถึงเพียงนี้

มือที่ยื่นถุงอึ่งย่างให้กับนางคำนั้นสั่นระริกเล็กน้อย   เขาพยายามกลบเกลื่อนอาการเก้อเขินด้วยการแกล้งกระแอมไอแล้วพูดต่อว่า  “เมื่อคืนได้ยินเสียงอึ่งร้อง  ก็เลยออกไปจับครับ”

“ขอบคุณนะคะ” นางตอบยิ้มเห็นฟันขาว “เมื่อคืนหลับเป็นตายเลยค่ะ”

ไม่มีอาการที่พอจะบ่งบอกสักนิดว่านางคำเป็นกระสือ  หนุ่มใหญ่คิดในใจ  แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ยังย้อนกลับเข้ามาหลอกหลอนทันทีเช่นกัน  หนุ่มใหญ่กลืนน้ำลายฝืดคอ  ความคิดขัดแย้งกันเอง  เขาอยากจะพูดอะไรหลายอย่างกับนาง  แต่สภาพของตัวเองในยามนี้เหมือนไอ้โง่คนหนึ่ง

“เป็นอะไรไปคะ?” นางคำถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของหนุ่มใหญ่

“ปะ...เปล่าครับ”  หนุ่มใหญ่ตอบ  น้ำเสียงตะกุกตะกัก  เขารีบตั้งสติ  ไหนๆโอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ  ก็ควรจะสานต่อความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดมากขึ้น “จริงสิครับ  ลูกๆไม่อยู่หรือครับ?”

“ไม่อยู่ค่ะ” สาวใหญ่ตอบ “ไปอยู่บ้านย่า”

“บ้านย่า”

หนุ่มใหญ่ทวนคำ ใจหายวูบ  เพราะถ้าหากลูกๆของนางคำไปอยู่บ้านย่าแสดงว่า  นางไม่ได้เป็นหม้ายอย่างที่ผู้คนลือ สามีของนางอาจทำงานอยู่ต่างถิ่น นานๆจึงจะกลับมาสักครั้ง 

“ใช่ค่ะ  วันหยุดจะไปอยู่บ้านย่า  ที่นี่ก็เลยเงียบหน่อยค่ะ”

หนุ่มใหญ่สนทนากับนางคำอีกสักครู่จึงขอตัวกลับ  เพราะดูจะไม่เหมาะสมนัก  เขาเกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมา  ความรู้สึกในฉันท์ชู้สาวนั้นได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากการวางตัวของนางคำนั่นเอง 

หนุ่มใหญ่ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องของนางคำอีกแล้ว  เพราะนางแสดงออกชัดว่าไม่ต้องการให้เขาเป็นมากกว่าเพื่อนบ้านใกล้เคียงคนหนึ่ง  เขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายเลวทราม  ความรู้สึกความปรารถนาที่มีอยู่นั้นสามารถระงับให้สงบลงได้   เมื่อไม่ได้คิดอะไรกับนางคำ   เพื่อนบ้านหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก  แม้กระทั่งถ้อยคำของบรรดาชาวบ้าน 

เขาเกือบจะลืมเรื่องของนางคำไปเสียสนิท  เพราะหลังจากฝนตกใหญ่แล้ว  ไม่มีฝนตกลงมา  ทำให้สามารถกรีดยางได้อย่างต่อเนื่อง   ทำงานกลางคืน  นอนกลางวัน   เขาไม่ค่อยได้เข้าไปสุงสิงในหมู่บ้านนัก  ดังนั้นเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนางคำโดยการลือของชาวบ้านจึงไม่ได้เข้าหู  จนกระทั่งกลางดึกวันหนึ่ง ในระหว่างกรีดยาง  หูแว่วได้ยินเสียงร้องโหวกเหวกแว่วมาจากหมู่บ้าน  หนุ่มใหญ่หยุดกรีดยาง  เหลียวมองไปยังทิศทางที่มาของเสียง  ระหว่างนั้น  ดวงไฟสีเขียวลอยวูบผ่านหน้าไป

หนุ่มใหญ่ตกตะลึง เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้เห็นชัดๆเต็มสองตา   กระสือนางคำ! 

เสียงโหวกเหวกใกล้เข้ามา  แสงไฟฉายวิบวับมุ่งหน้าไปยังบ้านของนางคำ  หนุ่มใหญ่ไม่มีเวลาคิดมาก  อะไรบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจ   เขาดับไฟฉายแล้ววิ่งโดยใช้เส้นทางลัด  เพื่อไปให้ถึงบ้านของนางคำก่อนพวกชาวบ้าน

ภาพที่หนุ่มใหญ่เห็นขณะตัดสินใจพังประตูเข้าไปนั้นก็คือ  นางคำอยู่ในสภาพหมดเรี่ยวหมดแรง  เขาตรงเข้าไปอุ้ม  โดยที่นางไม่มีอาการขัดขืนใดๆ

เสียงชาวบ้านใกล้เข้ามา    ตอนที่เขาพาร่างของนางคำหนีออกมาจากบ้านนั้น  ชาวบ้านได้พากันจุดไฟโยนเข้าไปในบ้าน  ด้วยความที่เป็นบ้านไม้  พริบตาเดียวกองเพลิงก็ลุกโชติช่วง   ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความปีติยินดีของชาวบ้าน

นายหัวเจ้าของสวนยางทั้งแปลกใจและพยายามอ้อนวอนเพื่อขอให้หนุ่มใหญ่อยู่ต่อ  โดยจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้มากกว่าเดิม  แต่เขาปฏิเสธ

“ต้องขอโทษจริงๆครับ  ผมมีความจำเป็นบางอย่าง”

ความจำเป็นที่ว่านั้น  หนุ่มใหญ่ไม่ได้อธิบายให้นายหัวเข้าใจ  นายหัวเจ้าของสวนยางเองก็รู้แล้วว่าต่อให้รั้งอย่างไรก็คงไม่สำเร็จ    จึงได้แต่ขอร้องว่าหากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอให้กลับมา   สวนนี้ยังยินดีต้อนรับเสมอ

หนุ่มใหญ่ระบายลมออกจากปาก   ที่ป่าละเมาะปากทางนั้น  สาวใหญ่วัยกลางคนยืนรออยู่ด้วยท่าทางกระวนกระวาย   ใช่แล้ว  นางคือนางคำ  คนที่ชาวบ้านตามล่าเมื่อคืน  คนที่ได้ชื่อว่าเป็นกระสือ  แต่เป็นคนที่เขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่า  จะปกป้องนางอย่างถึงที่สุด

ภาพโดย LoganArt จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์