ความแตกต่างระหว่าง การวิพากษ์วิจารณ์ กับ การบูลลี่

452

WallsWords

13 ธ.ค. 2021|3 min read

อ่านบทความอื่นจาก WallsWords

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

ความแตกต่างระหว่าง การวิพากษ์วิจารณ์ กับ การบูลลี่

ในช่วงขอการประกวดนางงามไม่ว่าจะเป็น Miss Universe, Miss World หรือ Miss Grand International ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวนางงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง #realsizebeauty ของ แอนชิลี ตัวแทนประเทศไทยบนเวที Miss Universe ประจำปี 2021 ที่หลายคนอาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องของรูปร่างของเธอ เมื่อมีการแสดงความคิดเห็นแล้ว หลายคนบอกว่าความคิดเห็นของตนนั้นคือ "การติเพื่อก่อ" แต่มองอีกนัยนึงมันอาจจะเป็นการบูลลี่ตัวนางงามเลยครับ ดังนั้นเราควรมาทำความรู้จักเพื่อจะได้แยกแยะความแตกต่างระหว่าง การวิพากษ์วิจารณ์ กับ การบูลลี่ ก่อนที่เราจะไปแสดงความคิดเห็นที่สร้างบาดแผลในจิตใจให้กับใครไปตลอดชีวิต

นอกจากนี้การใช้ชีวิตในสังคมที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างเข้มข้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากผู้อื่น ที่จริงแม้แต่คำว่า "ความคิดเห็น" ก็ยังให้ความรู้สึกนุ่มนวล เนื่องจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจำนวนมากในตอนนี้ ไม่ว่าจะบนโลกโซเชียลมีเดียหรือต่อหน้า ก็สามารถทำให้เกิดความไม่พอใจได้ แม้จะเป็นการพูดคุยกันอย่างสุภาพแล้วก็ตาม

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเราจะรู้สึกไม่ดีหากถูกบอกว่ากำลังทำอะไรผิดและ หรือเราสามารถปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ก็ตาม แต่มันยังความแตกต่างระหว่างการได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์จากผู้คนกับการถูกบูลลี่ซึงเป็นเรื่องที่เปราะบางส่วนบุคคลที่อาจทำให้คำวิจารณ์ที่อ่อนโยนกลับกลายเป็นการถูกโจมตี แต่นั่นไม่มันไม่จำเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

จากที่กล่าวมาข้างต้นการวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์กับการบูลลี่ต่างกันอย่างไร นี่คือมุมมองที่อาจช่วยให้คุณเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น

ิbully1

การวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์กับการบูลลี่

ก่อนที่เราจะไปต่อ เรามาพูดถึงคำจำกัดความของทั้งสองคำกันก่อน ตามแนวคิดเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ของ Maham Babar ได้กล่าวไว้ดังนี้

“การวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์เป็นกระบวนการเสนอความคิดเห็นที่มีเจตนาดีเกี่ยวกับงานของผู้อื่น เพื่อให้พวกเขาสามารถทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง ซึ่งช่วยให้พวกเขาปรับปรุงในอนาคต"
"การบูลลี่เป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่ถูกใช้เพื่อเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งพฤติกรรมนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกและอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของบุคคลอื่น”

เมื่อเราสามารถแยกความแตกต่างระหว่างความคิดเห็นทั้งสองรูปแบบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ให้หรือรับความคิดเห็นมีคำแนะนำที่อยากจะให้นึกถึงเสมอ

bully2

การเลือกใช้คำ

ใช่แล้ว การเลือกคำมีความสำคัญ การวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์มักจะมีนัยยะเกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจในสิ่งที่คนรับสารสามารถควบคุมได้ โดยมีแนวคิดพื้นฐานคือช่วยให้คนอื่นมีพัฒนาการที่ดีขึ้น

ในทางกลับกัน การบูลลี่นั้นจะเกี่ยวข้องกับคำพูดที่ใช้ดูถูกเหยียดหยาม และมุ่งเน้นที่จุดอ่อนเท่านั้น

bully3

น้ำเสียง

ส่วนนี้ทำได้ง่ายกว่าในรูแบบการพูดคุยต่อหน้า เพราะการแสดงความคิดเห็นบนโซเชี่ยลมีเดียอื่นนั้นทำไม่สามารถทำผ่านตัวอักษรได้ การใช้น้ำเสียงสามารถสื่อได้หลายแบบ และสามารถตีความว่าเป็นความคิดเห็นถึงหวังดีหรืออาจจะกลายเป็นการบูลลี่ได้เลย ดังนั้นควรรักษารความสุภาพเป็นวิธีหนึ่งที่จะไม่ให้ผู้ฟังรู้สึกว่ากำลังถูกบูลลี่ (ตราบใดที่ไม่เป็นการเหน็บแนม)

bully4

สรุปโดยรวม

ไม่มีใครอยากได้ยินคนพูดถึงข้อบกพร่องของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะพูดเป็นการพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแล้วก็ตาม ดังนั้นหากเราคิดที่จะวิจารณ์ใคร พึงระลึกไว้ว่าควรเป็นความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ พูดให้ตรงประเด็น และเมื่อคุณได้ให้ความคิดเห็นต่อประเด็นนั้นไปแล้ว ก็ให้จบประเด็นไม่ถกเถียงเรื่องเดิมซ้ำ

เป็นยังไงกันบ้างครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้กันด้วยนะครับ เพื่อให้เราไม่ไปบูลลีใครโดยไม่ตั้งใจ การให้คำแนะนำที่ดีควรเป็นการวิพากษ์จารณ์เชิงสร้างสรรค์ควรที่เกี่ยวกับสิ่งที่คนเหล่านั้นสามารถควบคุมได้ และอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเท่านั้น “การวิพากษ์วิจารณ์ใครบางคนในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และจากนั้นเดินจากไป ทำให้พวกเขารู้สึกหมดหนทาง และจริงๆ แล้วมันเป็นรูปแบบหนึ่งของการบูลลี่” แต่ถ้าหากท่านผู้อ่านยึดแนวทางการรสื่อสารตรงจุดที่สามารถปรับปรุงได้ การสนทนานั้นก็อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่รับฟังสามารถพัฒนาตนเองต่อได้ในอนาคตได้อย่างดีเลยครับ

ขอบคุณที่มาของข้อมูล : การวิพากษ์วิจารณ์ของ Maham Babar

ขอบคุณภาพประกอบจาก : freepik.com