อื่นๆ

บันทึกระหว่างบวช : เรื่องราวของอจินไตย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บันทึกระหว่างบวช : เรื่องราวของอจินไตย

สิบแปดนาฬิกาวันนี้ เป็นช่วงเวลานั่งสมาธิเตรียมตัวทำวัตรเย็นอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา

ระหว่างทำสมาธิผ่านไปครึ่งชั่วโมงพร้อมกับเเสงสว่างที่สาดส่องจากพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าไป

จึงเหลือเพียงเเสงสว่างจากหลอดไฟอันส่องสว่างพร้อมเสียงเคลื่อนไหวของพัดลมไฟฟ้าที่ส่งเสียงอยู่ในเวลานั้น

เพียงเวลาครู่เดียวเสียงพัดลมในเวลานั้นก็เงียบหายไปพร้อมทั้งหลอดไฟทั้งหมดทั้งในเวลานั้นซึ่งนั่นได้เงียบหายไปเป็นเวลาอันหลายวินาทีพอสมควร จึงกลับมาอีกครั้ง

ภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริงภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริง


จึงมีโอกาสถามพระพี่เลี้ยงท่านด้วยความสงสัยว่า

ทำไมไฟที่วัดถึงตกได้

เพราะว่าจำนวนหลอดไฟและการใช้ไฟฟ้าก็มีเท่าเดิมในทุกวัน ประกอบกับการดับไปนั้น เเต่ละครั้งกว่าจะติดก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน ที่จะกลับมามีไฟฟ้าอีกครั้ง ซึ่งต่างจากสถานที่ทำงานของผู้เขียนเพียง 3 วินาทีไฟก็กลับมาสว่างอีกครั้ง

Advertisement

Advertisement


ท่านจึงเล่าว่าตอนผมมาอยู่ใหม่ ๆ ผมก็นอนไม่ได้เลยเหมือนกัน บางวันเหมือนใครมาเคาะประตูหน้าต่าง ผมนึกว่าใครมีธุระจึงออกมาดูและถามหลวงพี่ท่านอื่น ๆ จึงทราบว่าไม่มีใครมาเคาะเลย - หรือบางคืนอาการหนัก ก็ต้องไปเคาะประตูพระครูเจ้าอาวาสเหมือนกัน หลังจากฟังแล้วก็เข้าใจว่าคล้ายหนังสือบางเล่มที่เคยอ่านที่ท่านเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับไฟดับหรือเสียงเคาะประตูเหล่านั้นซึ่งไม่ต่างกันนัก . . .

ภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริงภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริง


วันถัดมาโยมเเม่ถวายเพลเช่นปกติได้มีเวลาสนทนากันเช่นทุกวันที่เคย จึงเล่าเรื่องที่พบเมื่อวานให้ท่านฟังระหว่างที่เล่าเกี่ยวกับไฟดับที่เกิดขึ้นนั้น ไฟและพัดลมที่กุฏิของข้าพเจ้าก็ดับลงอย่างไม่ทราบสาเหตุในเวลาเดียวกันระหว่างเวลานี้ถึงกับเงียบสงัดสักพักเเละมองหน้าโยมเเม่รวมถึงแผ่เมตตาให้กับสรรพสิ่งเหล่านั้น สักพักแสงสว่างและพัดลมก็กลับมาอีกครั้งในช่วงกลางวันของวันนั้น

Advertisement

Advertisement


เเละหลากคำถามที่หลวงพี่หรือญาติโยมสอบถามเกี่ยวกับการนิมิตอย่างไรหรือไม่ ตลอดเวลาที่ผู้เขียนอุปสมบท ไม่มีการฝันหรือย่างไรตลอดเวลานั้นเลยจริง ๆ มีเพียงคืนก่อนสุดท้ายก่อนลาสิกขา ระหว่างเตรียมตัวทำวัตรเช้าประมาณตีสามเกือบตีสี่ที่ปิดประตูกุฏิระหว่างนั้น !!!!

เเสงสว่างบนศีรษะที่อยู่หน้ากุฏิและแสงสว่างทั้งหมดภายในวัดก็ได้ดับลง

ผู้เขียนได้เพียงตั้งสติและค่อย ๆ เดินไปท่ามกลางความมืดนั้นพร้อมทั้งขนแขนและขนขาลุกวาบไปทั้งตัว


จนสักพักไฟก็กลับมาส่องสว่างตามปกติ แต่ไม่เพียงเท่านั้นเพราะระหว่างทำวัตรเช้า ขณะอ่านบทสวดมนต์ก็ไม่สามารถอ่านหนังสือสวดมนต์ที่เปิดอยู่นั้นเป็นเวลา 2 ครั้งด้วยกัน เนื่องจากเเสงสว่างของไฟที่ส่องสว่างนั้นได้หลบหายไปซึ่งไม่ทราบโดยเหตุเช่นกันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เเละหลังจากทำวัตรเช้าเสร็จเป็นเวลาของการรอออกกิจนิมนต์เช้าที่จะขอพักสายตอรอรถมารับแต่หลับตาลงไม่ได้เลยเพราะว่าเเสงสว่างภายในกุฏิได้ลับหายไปอีกเป็นเวลาวินาทีประมาณหนึ่ง

Advertisement

Advertisement


ภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริงภาพถ่ายเองจากสถานการณ์จริง


เเต่นั่นไม่ใช่การหายไป เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งด้วยกัน เเต่เป็นการหลบไปของเเสงสว่างถึง 3 ครั้งด้วยกัน รวมเเล้วในเช้าวันนี้นับเป็นกว่า 6 ครั้งด้วยกันนับว่าเป็นสิ่งที่เมื่อลองเล่าให้หลวงพี่ท่านอื่นฟัง ต่างท่านต่างรับฟัง อมยิ้ม เเละไม่มีการตอบกลับในบทสนทนาต่อสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ...



“บางสิ่งอาจไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ

เพราะมีคำตอบอยู่ภายในตัวของมันเอง”

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์