อื่นๆ
3 ดอย 2 มือของพวกเรา กับภาระกิจสุดฟินที่ "อมก๋อย"
"หน้าหนาวในช่วงเดือนธันวาคม แบบวันหยุดต่อเนื่องแบบนี้ คนส่วนใหญ่มักจะขึ้นเหนือกันใช่หรือไม่"
เราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดแบบนั้น ในช่วงวันหยุดยาวแบบต่อเนื่อง ช่วงที่ 4-8 ธันวาคม 2562 แต่การมาของเราในครั้งนี้ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ซึ่งมีพี่ที่รู้จักกัน ชวนขึ้นดอยทำความดี
เราว่ามันเป็นภาระกิจที่ท้าทายตนเองอย่างมาก ขนาดที่ว่ายังไม่รู้หน้าที่ตัวเองเลยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง หรือกำหนดการมีอะไร ไปที่ไหนบ้างก็ยังไม่รู้เลย ทุกทีจะต้องรู้ก่อนค่อยตัดสินใจ แต่คราวนี้ไม่ต้องคิดเยอะกับประโยชน์มหาศาลที่เราจะได้ทำ กับคำว่า "ขึ้นดอยทำความดี" เราจึงรีบตอบตกลงกลับไปอย่างเฉียบพลัน ในใจมีอาการตื่นเต้นหลายๆ อย่างเกิดขึ้น เช่น จะได้ขึ้นดอย เจออากาศที่หนาวแบบจับใจ เจอน้องๆชาวเขาได้แบ่งปันสิ่งของ ซึ่งอาการแบบนี้ไม่เกิดขึ้นมานานแล้ว
Advertisement
Advertisement
เราตามเค้าไปนั่งรถตู้ที่จัดแจงไว้ให้ เพื่อไปสมทบกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เหมือนเป็นกลุ่มจิตอาสา ที่มารวมตัวกันในชื่อว่า "กลุ่มพี่ใจดี น้องดีใจ"
กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันทำความดีแบบต่อเนื่องมาถึงปีที่ 9 แล้ว คือ ช่วยกันรวบรวมเงินบริจาคจากเพื่อนๆ ที่รู้จัก แล้วนำไปซื้อสิ่งของที่โรงเรียนขอเข้ามา เช่น ชุดนักเรียน รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า กางเกงชั้นใน ของเล่น เสื้อผ้าและตุ๊กตาที่รับบริจาคมา เป็นต้น เพื่อนำไปบริจาคต่อให้กับทางโรงเรียน และน้องๆ บนดอย ซึ่งทริปนี้เราจะไปแจกชุดนักเรียน และสิ่งของต่างๆ ด้วยกัน 3 โรงเรียน
หลังจากที่ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วร่วมเที่ยงวัน พวกเรารวมตัวกันประมาณ 27 คน ซึ่งเค้ารู้จักกันหมด ยกเว้นเราคนเดียวที่เป็นคนใหม่สำหรับทริปนี้ เราพยายามจำชื่อของแต่ละคน และทำความรู้จักคุ้นเคย ถึงวันแรกจะทำใครไม่ได้ก็ตาม แต่ยังมีวันอื่นๆ ที่เราต้องทำภาระกิจเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกหลายวัน
Advertisement
Advertisement
"กลุ่มพี่ใจดี น้องดีใจ" ได้เปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถกระบะของชาวบ้านที่มารอรับกลุ่มเรา ส่วนใครที่ขับกระบะมาเอง ก็ช่วยแบ่งสัมภาระ และของบริจาคจากรถตู้กระจายกันไป เพื่อสะดวกแก่การขึ้นดอย
คนที่นั่งหลังรถกระบะต้องจัดเต็มแบบนี้ เพราะต้องขึ้นดอย มีฝุ่นตลบจากดินลูกรัง เส้นทางที่ขรุขระ และระยะทางที่ยาวไกล จึงทำให้พวกเขาต้องปิดมิดชิดขนาดนี้
เส้นทางจากอำเภอเมือง เพื่อขึ้นดอยไปยังโรงเรียนแรก คือ โรงเรียนบ้านสงินใต้ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ต้องใช้เวลาขึ้นดอยประมาณ 2 ชั่วโมง ลัดเลาะริมเขาขึ้นไปเรื่อยๆ หลายสิบโค้งกันเลยทีเดียว โดยขับรถตามๆ กันขึ้นไปบนเขา ทำให้พี่บางท่านถึงขนาดเมารถ และคอเคล็ดตามๆ กัน
เมื่อถึงที่หมาย พวกเรารีบแบ่งหน้าที่กันทำอย่างรวดเร็ว เช่น จัดชุดนักเรียนใส่ถุง แจกขนม และแยกเสื้อผ้า ตุ๊กตา ที่นำมาบริจาค ออกเป็นส่วนๆ และรีบส่งมอบให้กับน้องๆ ที่มานั่งรอในโรงเรียนอยู่นาน
Advertisement
Advertisement
โรงเรียนนี้มีตั้งแต่อนุบาล ไปถึงประถมศึกษา แต่ละชั้นเรียน มีกันไม่กี่คน แต่เรียนรวมในโถงกว้างตรงนี้นี่แหละ
เมื่อเสร็จจากโรงเรียนแรก พวกเรารีบเดินทางไปโรงเรียนที่ 2 คือ โรงเรียน สงิน ณ แคว ซึ่งอยู่อีกภูเขานึง จะต้องลัดเลาะริมเขาขึ้นไปอีก กว่าจะถึงก็เย็นเสียแล้ว พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง ซึ่งพวกเราต้องพักกันที่นี่ และแจกของในเช้าวันรุ่งขึ้น
น้องๆ มารอกันแต่เช้า เพื่อรอรับแจกชุดนักเรียน ปัญหาแรกที่เราเห็นจากโรงเรียนก่อนหน้านี้คือ เด็กชาวเขาผูกเชือกรองเท้าไม่เป็น หรือผูกแบบเงื่อนกระตุก คือ มีโบว์ข้างเดียวทำให้เชือกรองเท้ายาวข้างนึง
เวลากลุ่มพี่ใจดี น้องดีใจ แจกชุดนักเรียนเสร็จ เราจะวิ่งตามไปที่บ้านเด็กๆ หรือจุดรวมตัวที่เค้าไปเปลี่ยนชุดกัน เพื่อคอยแนะนำ และสอนวิธีผูกเชือกรองเท้าที่ถูกต้อง ส่วนคนอื่นๆ ก็ช่วยกันแจกของให้ชาวบ้าน เลือกสิ่งของให้เหมาะกับขนาด เพศ เละวัยของเขา
โรงเรียนที่ 3 เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างห่างไกลอีกเช่นเคย ใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชั่วโมง คือ โรงเรียนห้วยส้ม โรงเรียนนี้ติดริมภูเขาอยู่สูงมาก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่พวกเราก็ไปถึงจนได้ คุณครูเนสเป็นคนเก่าที่เคยสอนอยู่ที่นี่ คุณครูมาช่วยดูเด็กๆ ให้ก่อน เพราะว่า คุณครูเนสเค้าย้ายไปประจำโรงเรียนอื่นแล้ว ทำให้ที่นี่ยังไม่มีใครมาสอนแทนมาหลายเดือน
เราเริ่มแจกสิ่งของเหมือนโรงเรียนอื่นๆ และภาระกิจของเราที่ไม่ได้มอบหมาย ก็คือ เดินตามนักเรียนไปบ้าน หรือจุดรวมตัวช่วยแต่งตัวให้สำเร็จ และเดินกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง เพื่อถ่ายรูปและรับแจกสิ่งของอื่นๆ
จะเห็นได้ว่าพื้นที่ระหว่างบ้านและโรงเรียนอยู่ห่างไกลกันมาก และเส้นทางก็ยังเป็นดินลูกรัง ไม่อยากคิดเลยถ้าหน้าฝน จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ
เรามาในทริปนี้ คือความตั้งใจล้วนๆ เราใส่ใจทุกรายละเอียดของทุกๆ คน คอยเติมเต็มให้กับทีมไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราก็ยังเป็นเราคอยช่วยเหลือเช่นเคย
ความสุขของผู้ให้ เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แค่เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ และได้สอนให้ผูกเชือกรองเท้าเป็น เพียงแค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วหล่ะ เป็นทริปที่คุ้มค่ากับความหนาวเย็นที่ 10 องศา
ผู้หญิงคนนึงนึกสนุกอยากจะเขียนขึ้นมา ชอบเอาตัวเองไปอยู่กับสิ่งที่ชอบ และบอกเล่าเรื่องผ่านภาพ ว่างเป็
ความคิดเห็น