อื่นๆ
ถ่ายภาพงานวิ่ง เส้นทางสู่ช่างภาพสายกีฬา ตอนที่ 1

การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ลงทุนไม่มาก แค่หารองเท้าที่สวมใส่ได้พอดี รับน้ำหนัก และซับแรงกระแทกที่เหมาะสม ก็ออกไปวิ่งได้แล้วครับ
ตั้งแต่ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 เกิดกิจกรรมงานวิ่งต่าง ๆ ทั่วประเทศแทบจะทุกสัปดาห์ มีแทบทุกระยะการวิ่ง เริ่มตั้งแต่ ที่เรียกว่า Fun Run ซึ่งเป็นการวิ่งระยะสั้น ๆ มุ่งเน้นสุขภาพ ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องของรางวัล ไปจนถึงระยะมินิมาราธอน ระยะฮาล์ฟมาราธอน หรือ ระยะอื่น ๆ ตลอดจนการวิ่งแบบเทรล ซึ่งเป็นรูปแบบของการวิ่งผ่านพื้นที่ภูมิประเทศ เช่น ภูเขา ลำธาร หรือ ในชุมชน
โดยสิ่งหนึ่ง ที่เกิดขึ้นควบคู่มากับกิจกรรมงานวิ่ง หลังจากที่จบรายการ นอกจากเหรียญ ถ้วยรางวัล และเงินรางวัล คือ การที่นักวิ่งทุกท่าน ใจจดใจจ่อรอคอยติดตามภาพถ่ายสวย ๆ จังหวะที่พอดี ของตนเอง ขณะวิ่งผ่านจุดสำคัญ หรือสถานที่สำคัญต่าง ๆ โดยในบทความนี้ จะได้นำประสบการณ์จริงของผู้เขียน ในการถ่ายภาพงานวิ่ง ทั้งที่ลงขายภาพถ่ายบนเพจของตนเอง หรือ ใน Platfrom ต่าง ๆ มาถ่ายทอดให้กับท่านที่สนใจ ที่กำลังจะเข้าสู่เส้นทางของช่างภาพงานวิ่ง และปูทางไปสู่ช่างภาพสายกีฬาอย่างเต็มตัว ตลอดจนผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพมือใหม่ มือสมัครเล่น หรือ มืออาชีพก็ตาม
ขั้นตอนการเป็นช่างภาพงานวิ่ง
1. เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับถ่ายภาพ อุปกรณ์พื้นฐานที่จะกล่าวถึงนี้ จะมุ่งเน้นสำหรับช่างภาพมือใหม่ ที่มีความสนใจจะเข้าสู่วงการช่างภาพงานวิ่งนะครับ โดยอูปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นต้องมีคือ
1.1 กล้องถ่ายภาพ ซึ่งปัจจุบันเป็นกล้องดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ยี่ห้อไหนก็ได้ ตั้งแต่รุ่นเล็ก ไปจนถึงรุ่นใหญ่ ๆ ระดับโปรฯ ก็สามารถใช้งานได้หมดครับ ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ ของแต่ละท่าน แต่ถ้าเป็นกล้องที่สเป็คสูง ๆ ก็ย่อมส่งผลให้การทำงานของช่างภาพง่ายขึ้น ผลงานที่ได้ออกมามีคุณภาพมากขึ้นนั่นเอง
1.2 เลนส์ เลนส์ที่ใช้ จะนิยมใช้ในระยะ Tele - Photo หรือเลนส์ระยะอื่น ๆ ตามการดีไซน์ภาพ โดยเน้นที่เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง ๆ เช่น 50mm F1.8, 85mm F1.8, 135mm F2, 70-200mm F2.8 สาเหตุที่ต้องใช้เลนส์ในช่วงระยะ Tele เนื่องจาก ช่างภาพ จะไม่สามารถเข้าใกล้นักวิ่งได้ และการที่ใช้ระยะนี้ ถ้าจะพูดให้เข้าใจได้ง่าย ๆ คือ สามารถละลายฉากหลังได้ดี ทำให้แบบดูมีความเด่นขึ้นมา และอีกประเด็นหนึ่งคือ ทำไมต้องใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง ๆ (ค่า F ต่ำ) เนื่องจาก การถ่ายภาพนิ่ง ขณะที่แบบกำลังเคลื่อนไหว จำเป็นต้องอาศัยความเร็วชัตเตอร์สูง ๆ ตั้งแต่ 1/250s ขึ้นไป การที่รูรับแสงกว้าง จะทำให้ไม่ต้องดัน ISO ให้สูง เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่ดีที่สุด
1.3 ขาตั้งกล้อง การถ่ายภาพงานวิ่ง ช่างภาพต้องแพนกล้องตามนักวิ่ง หากใช้กล้อง+เลนส์ ที่น้ำหนักไม่มาก ก็สามารถถือถ่ายภาพด้วยมือได้สบาย แต่ถ้าใช้กล้อง+เลนส์ ที่่มีน้ำหนักเยอะ อาจจะไม่สะดวกในการถ่ายภาพ ถือนาน อาจเกิดความล้า กล้องสั่น ภาพไม่คมชัด สิ่งที่จะเข้ามามีส่วนช่วยตรงนี้คือ ขาตั้งกล้อง ซึ่งโดยมากแล้ว จะใช้ขาตั้งกล้องแบบ ขาเดี่ยว หรือ ที่เรียกว่า Mono Pod เพราะจะสะดวกมาก เวลาแพนกล้องตามนักวิ่ง หรือ มีการเปลี่ยนท่าทาง หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ของช่างภาพ ซึ่งขาตั้งกล้องแบบ Mono Pod นี้ มีให้เลือกซื้อในราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อย จนถึงหลายพัน แล้วแต่กำลังทรัพย์ของช่างภาพเลยครับ
1.4 ไฟ ในการวิ่งรายการต่าง ๆ ผู้จัด จะกำหนดเวลาปล่อยตัวในช่วงเช้ามืด ตามระยะทางของการวิ่งในแต่ละรุ่น ซึ่งแสงสว่างจากธรรมชาติ หรือ แสงสว่างจากไฟถนน หรือ ไฟอื่น ๆ อาจไม่เพียงพอ ช่างภาพ ต้องเตรียมไฟแสงสว่าง เพื่อให้กล้องสามารถทำการโฟกัสภาพ และถ่ายภาพได้ สำหรับไฟที่ใช้ จะเป็นไฟต่อเนื่อง แบบ LED ที่มีแบตเตอรี่ในตัว พร้อมขาตั้ง สำหรับผู้เขียน เคยลองใช้โคมสปอร์ตไลต์ LED Solarcell มาแล้ว ก็สามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าช่างภาพเลือกจุดถ่ายภาพ ที่เมื่อนักวิ่ง ได้วิ่งผ่านมาแล้ว แสงสว่างธรรมชาติ หรือ แสงจากพวงอาทิตย์ ส่องมาเพียงพอ ไฟ ก็ไม่จำเป็นครับ ปล. ช่างภาพมืออาชีพหลายท่าน ใช้แฟลชแบบไร้สายในการช่วยถ่ายภาพ ทำให้ภาพเกิดมิติ สวยงาม ดูน่าสนใจอีกด้วยครับ

Advertisement
Advertisement
2. เตรียมตัวช่างภาพก่อนรับงานถ่ายภาพงานวิ่ง ช่างภาพต้องมีการเตรียมความพร้อม ก่อนจะรับถ่ายภาพ ได้แก่
2.1 สร้าง Page Facebook ของตน ช่างภาพต้องสร้างเพจของตนเอง เพื่อวัตถุประสงค์ ได้แก่ สำหรับใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ผลงานของช่างภาพ, ใช้สำหรับการลงทะเบียนเข้าเป็นช่างภาพกับทางผู้จัดงาน, การสมัครเข้าร่วม Platform ขายภาพออนไลน์ต่าง ๆ, เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างช่างภาพกับนักวิ่งที่สนใจติดต่อขอซื้อภาพถ่าย
2.2 สมัครเป็นสมาชิก Platform ขายภาพถ่ายงานวิ่ง สำหรับการจัดงานวิ่งรายการต่าง ๆ โดยมากแล้ว การซื้อขายภาพถ่าย จะนิยมขายผ่าน Platform ออนไลน์ เนื่องจากสะดวกทั้งนักวิ่ง และช่างภาพ เพราะมีระบบ Ai สามารถค้นหาภาพจากใบหน้า หรือหมายเลข BIB ได้เลย การสมัครต้องใช้ Page Facebook ของช่างภาพ และ Logo หรือ ลายเซนต์ช่างภาพในการสมัคร โดยในงานวิ่งรายการใหญ่ ๆ Platform เหล่านี้ จะเป็น Partner โดยจะจำกัดสิทธิเฉพาะช่างภาพที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ช่างภาพที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ จะไม่สามารถเข้าไปร่วมถ่ายภาพได้
2.3 สร้าง/ออกแบบ Logo หรือ ลายเซนต์ของช่างภาพ นอกจากจะใช้สำหรับสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก Platform ขายภาพถ่ายออนไลน์ แล้ว ยังใช้ในการติดเครติดช่างภาพบนภาพถ่าย ซึ่งบ่งบอกว่า ภาพนั้นมีลิขสิทธิ์ กรณีที่ช่างภาพลงตัวอย่างภาพบนหน้าเพจ หากนักวิ่งต้องการภาพที่ไม่มีลายน้ำ หรือติดเครดิตช่างภาพ ต้องมีการชำระค่าภาพถ่ายนั้น ๆ ก่อน หรือ เป็นการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของช่างภาพอีกด้วย

Advertisement
Advertisement
3. การเข้าร่วมถ่ายภาพงานวิ่ง การเข้าร่วมถ่ายภาพงานวิ่ง ซึ่งจะมีขั้นตอนที่คล้าย ๆ กันแทบจะทุกงาน โดยเริ่มจาก
3.1 ติดตามข่าวสารงานวิ่งต่าง ๆ ติดตามข่าวสารงานวิ่งต่าง ๆ วิธีที่ง่าย และสะดวกที่่สุดคือ ช่างภาพต้องติดตามเพจที่เกี่ยวกับงานวิ่ง ซึ่งหลาย ๆ เพจ จะอัพเดตกิจกรรมงานวิ่งต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ทำให้ช่างภาพสามารถวางแผนได้ว่า จะร่วมถ่ายภาพงานไหน วันไหนบ้าง หรือ สามารถติดตามได้ใน Platform ขายภาพถ่ายก็ได้ครับ
3.2 ติดตามข่าวสารจากผู้จัดงาน ตามมารยาทของการเข้าถ่ายภาพ ช่างภาพต้องสอบถามไปยังผู้จัดก่อนว่า มีรับลงทะเบียนช่างภาพอิสระหรือไม่ โดยผู้จัดบางงาน จะประกาศรับลงทะเบียนช่างภาพในเพจของตนเอง พร้อมแจ้งเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ช่างภาพต้องปฏิบัติ ตลอดจนศึกษาเส้นทางการวิ่ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกจุดที่เหมาะสมในการเข้าถ่ายภาพ
3.3 ลงทะเบียนเข้าร่วมถ่ายภาพ ลงทะเบียนตามวัน เวลา และสถานที่ ที่ผู้จัดกำหนด หรือ กรณี Platform เป็น Partner ให้ดำเนินการตามข้อกำหนด และข้อปฏิบัติต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด
Advertisement
Advertisement

4. การเข้าร่วมถ่ายภาพ ช่างภาพต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนวันแข่งขัน ในวันแข่งขัน และหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ดังนี้ครับ
4.1 เตรียมความพร้อมร่างกาย ก่อนวันแข่งขัน ช่างภาพ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ระมัดระวังเรื่องการกิน เพราะขณะถ่ายภาพ จะไม่สามารถออกไปทำธุระส่วนตัวได้เลยครับ
4.2 เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ ตรวจสอบความพร้อมของกล้อง แบตเตอรี่ เลนส์ เมมโมรีการ์ด และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้พร้อม
4.3 ดูสถานที่ ก่อนวันแข่งขัน หากเป็นไปได้ เช่น งานวิ่งอยู่ในพื้นที่ที่ช่างภาพสามารถเดินทางไปได้สะดวก โดยช่างภาพควรลงพื้นที่ สำรวจเส้นทางวิ่งในระยะการวิ่งต่าง ๆ เพื่อหา Location ที่เหมาะสมในการตัดสินใจกำหนดจุดที่จะถ่ายภาพ เช่น งานวิ่งมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ฮาล์ฟมาราธอน มินิมาราธอน และ ฟันรัน ซึ่งแต่ละรุ่นจะกำหนดการปล่อยตัวไม่พร้อมกัน เส้นทางวิ่งส่วนใหญ่ จะเป็นเส่้นทางเดียวกันในบางช่วง หรือ ในบางรุ่น อาจมีการกำหนดจุด Start/Finish ไว้คนละจุด ซึ่งกรณีนี้ ช่างภาพต้องมีการวางแผนให้ดี เช่น อาจจะถ่ายภาพในรุ่นฮาล์ฟมาราธอนก่อน แล้วย้ายจุด เพื่อไปถ่ายภาพในรุ่นมินิฯ และฟันรัน ซึ่งอาจจะต้องมีการเปลี่ยนจุดเพื่อให้สามารถเก็บภาพได้ครบทุกรุ่น โดยช่างภาพควรที่จะเลือกไว้หลาย ๆ จุด กรณีจุดที่เราหมายตาไว้อาจไม่สามารถลงถ่ายภาพได้ เพราะ Location สวย มีชัยไปกว่าครึ่งครับ
4.4 ถ่ายภาพวันแข่งขันจริง การเข้าถ่ายภาพวันแข่งขัน สิ่งที่ช่างภาพควรทำ คือ ไปให้ถึงสถานที่แข่งขันก่อนเวลา เพื่อจะได้ไป ณ จุดที่เราเลือกไว้ในข้อ 4.3 และเพื่อได้มีเวลาในการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการถ่ายภาพ
4.5 คัดภาพหลังเสร็จการแข่งขัน เมื่อช่างภาพถ่ายภาพเสร็จแล้ว สิ่งที่จะต้องมาทำต่อคือ นำภาพออกจากกล้อง เพื่อทำการคัดภาพที่หลุดโฟกัส หรือ ไม่สวยออก จากนั้น ทำการ Upload ลง Platform ตามเงื่อนไขของแต่ละงาน หรือกรณีลงขายที่หน้าเพจ ให้ใส่ลายน้ำที่เป็น Logo ของช่างภาพลงในภาพ ก่อนนำลงเพจ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักวิ่งได้มาค้นหาภาพของตนเอง



ทั้งหมดนี้ เป็นขั้นตอนในการเข้าร่วมเป็นช่างภาพในงานวิ่ง ที่เล่าจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน สำหรับวิธีการตั้งค่าในการถ่ายภาพ ทำอย่างไร ตั้งค่าอย่างไรนั้น ฝากติดตามในตอนที่ 2 ครับผม
หมายเหตุ ภาพประกอบในเนื้อหาของบทความนี้ เป็นภาพที่ผู้เขียน และทีมงาน JoNatchanok ได้ทำการเก็บภาพของการทำงานในแต่ละครั้งไว้ครับผม....สำหรับภาพที่ capture จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็เป็นภาพจากหน้าจอของผู้เขียนเองทุกภาพ ...เพื่อสื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจ และเห็นภาพการทำงานมากยิ่งขึ้นครับ....😎😎😎😎😎
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






