อื่นๆ
ที่มาของชื่อหมู่บ้านผีดุ "ลัดดาแลนด์ "
คุณเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านลัดดาแลนด์มาบ้างแล้วใช่ไหม? ชื่อเสียงเรื่องความเฮี้ยน ความสะพรึงของหมู่บ้านโด่งดังเสียจน...เรื่องผีของหมู่บ้านลัดดาแลนด์นี้ออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนต์ เรื่องราวของหนังผีที่เกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรร...
แน่นอน...มันโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ...
เท่าที่ผมรู้มานะ....เดิมเจ้าของโครงการหวังสร้างบ้านจัดสรรสำหรับผู้มีอันจะกิน เศรษฐีผู้มีฐานะ ไว้สูดอากาศเมืองเหนือ
...แต่มันไม่เป็นไปตามคาด ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ได้กลายเป็นหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีฐานะ หรอกนะ เพราะ....สุดท้าย
มันกลายเป็น "หมู่บ้านร้าง" ไร้ผู้อาศัย
ซ้ำร้ายกลับมีการเล่าลือว่า หมู่บ้านนี้...มี ..."ผีสิง" หลอกหลอนใครก็ตามที่คิดจะลองดี โดยเข้ามาท้าทายพลังงานบางอย่างในหมู่บ้านนี้
แต่จะมีใครรู้ไหมว่าทำไมหมู่บ้านนี้ถึงได้ชื่อว่า "ลัดดาแลนด์" ที่ผมถามเพราะไม่ว่าคุณจะรู้มาอย่างไร แต่ไม่เหมือนกับที่ผมจะเล่าแน่ เพราะผม คือคนเดียวเท่านั้นที่ รู้ที่มาของชื่อหมู่บ้านนี้
Advertisement
Advertisement
...จุดเริ่มของหมู่บ้านนั้น....สร้างโดยคนที่มาจากกรุงเทพฯ ชนชั้นระดับคุณหญิงคุณนาย เธอมีชื่อเรียกกันในหมู่คนสนิทว่า "ลัดดา" สามีของลัดดาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ชั้นยศนายพล ส่วนจะเป็นตำรวจ หรือทหารนั้นผมไม่แน่ใจ เพราะสามีเธอเสียตั้งแต่ยังไม่ได้มาเชียงใหม่
ก็ด้วยการที่ทั้งสองไม่มีลูก เมื่อทั้งคู่เข้าสู่วัยเกษียณอายุราชการ ก็คิดว่าจะพากันไปใช้ชีวิตบั้นปลายอันสงบในภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อสามีเธอเสีย เธอจึงอยากทำตามความฝันของสามีอันเป็นที่รัก ที่วางแผนไว้...ทั้งคู่จึงพากันไปอยู่ จังหวัดเชียงใหม่ และหาซื้อที่ดินเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรร โดยหวังจะให้เป็นหมู่บ้านที่มีสวนสนุกเพื่อพักผ่อนของคนทั่วไป และเป็นสวรรค์ของเด็ก ๆ เหตุผลที่ผมเดา คือ ปมของคนอยากมีลูกนั่นเอง แล้วฝันของลัดดาก็เป็นจริงเมื่อสามารถหาซื้อที่ดินแปลงสวย เพื่อสร้างหมู่บ้านได้ดังใจหวัง
Advertisement
Advertisement
กาลต่อมา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หมู่บ้านลัดดาปิดการก่อสร้าง ลัดดาก็ได้หมู่บ้านจัดสรรสวยงามท่ามกลางแมกไม้เชิงชายเขา เป็นที่แปลงเดียวที่อยู่ติดพื้นที่เขตป่าสงวน โดยกินเข้าไปในเขตป่าสงวนคล้ายรูปหยดน้ำ ลัดดาวางแบบบ้านให้ปลูกห่าง ๆ กัน ทุกหลังจะดูเป็นเอกเทศ ลดหลั่นไปตามเชิงเขา สลับสวน คลอง ถนนคดเคี้ยว แต่ละบ้านไม่มีรั้ว จะมีก็เพียงรั้วของหมู่บ้านชั้นนอกเพียงชั้นเดียว ล้อมรอบอยู่ไกล ๆ ที่นี่เงียบสงบ เย็นสบายด้วยลมภูเขา ตามสไตล์ของเมืองเหนือ
สมัยมีชีวิตผู้เป็นสามีบอกไว้ว่า จะตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อของเธอ ที่ชื่อ "ลัดดา"
โดยให้ชื่อหมู่บ้านว่า "หมู่บ้านลัดดา" แน่นอนไม่ใช่ "ลัดดาแลนด์" คุณอย่าเดาเลย มาฟังผมเล่าต่อดีกว่า....
หมู่บ้านลัดดาไม่ช้าไม่นานก็กลายเป็นหมู่บ้านหรูของเศรษฐี น่าอยู่ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี และบรรยากาศที่ดีที่สุดในเชียงใหม่
เศรษฐีหลายคนจึงถวิลหาหวังจะได้เข้าไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ราคาซื้อขายต่อหลัง จึงเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในเวลาเพียงปีเศษๆ
Advertisement
Advertisement
แต่ชีวิตมันก้อเหมือนนิยาย มีดีก็จะมีเรื่องร้ายๆเข้ามา ...
วันหนึ่งมี 2 โจรแอบทุบกำแพงด้านนอกของหมู่บ้านลอดเข้ามาก่ออาชญากรรมในหมู่บ้าน
ไม่ใช่บ้านใครที่ไหนหรอก...หากแต่เป็นบ้านของเจ้าของหมู่บ้าน คือ บ้านของ "คุณนายลัดดา" นั่นเอง
บ้านของลัดดาเป็นบ้านหลังใหญ่ หัองหับนับสิบห้อง
เรียงรอบยกย่อมุมไปตามแบบของสถาปนิก แม้จะมีแค่ 2 ชั้น แต่การเล่นระดับไปมา ดูราวกับมันมี 3 ชั้นเลยทีเดียว
ด้วยความที่ลัดดาเป็นม้าย ประกอบกับเธอไม่เคยทำงานบ้านเอง ลัดดาเธอจึงจ้างสาวใช้ไว้สองคน
ทั้งสองเป็นหญิง คนหนึ่งเป็นชาวไทยจากภาคอีสาน และอีกคนเป็นแรงงานพม่า
เมื่อโจรเข้าปล้นก็พบกับสาวใช้ผู้หญิงแค่สองคน ส่วนคุณนายลัดดาหลับอยู่ในห้องชั้นสองของบ้านในห้อง หนึ่งในห้องนับสิบนั่นเอง!
...ไร้การต่อสู้ขัดขืน เพราะสาวใช้สองคนจะเอาอะไรไปสู้โจรได้ ขัดขืนไปก็มีแต่ตายสถานเดียว
ตำรวจที่ทำคดีว่าแรงงานพม่านี่ตายก่อนเลย จะด้วยเหตุใดมิทราบอาจจะพยายามขัดขืน หรือพยายามหนีก็เป็นได้
ส่วนสาวใช้ชาวอีสานก็น่าจะเสียชีวิตทีหลัง จากร่องรอยเธอถูกมัด และซ้อม เหมือนโจรต้องการความลับอะไรจากเธอ
ซึ่งก้อน่าจะบังคับ ให้บอกที่ซ่อนตู้เซฟ หรือห้องที่น่าจะมีทรัพย์สินแอบไว้มากที่สุด
เพราะบ้านหลังใหญ่หลายห้อง ประตูแน่นหนา การรื้อค้นทำได้ยาก ดีไม่ดี จะทำให้สัญญานกันขโมยแจ้งไปที่ป้อมยามหมู่บ้านมากกว่า
คนใช้ที่ดูเป็นคนเก่าคนแก่ และเป็นคนไทยคนเดียวน่าจะรู้ที่ซ่อน และพูดกันรู้เรื่องบ้าง จึงต้องโดนบีบให้บอกความลับที่โจรต้องการ
Background photo created by kjpargeter - www.freepik.com" />
ทำไมเธอถึงโดนซ้อมตาย แสดงว่าเธอไม่ได้บอกน่ะสิ....ตำรวจสันนิษฐาน
จากการสอบปากคำคุณนายลัดดา มูลเหตุที่เธอไม่บอก อาจจะมาจาก การอยู่รับใช้การมานาน จนมีบุญมีบุญคุณต่อกัน
... เธอจะบอกโจรมันได้อย่างไร เพราะห้องที่ตู้เซฟลับซ่อนอยู่คือห้องที่คุณนายลัดดานอนอยู่ สาวใช้ ก็คงได้ แต่เงียบ
...การไม่ปริปากพูด เธอจึงได้รับการทำร้ายอย่างไม่ปราณี จนนอนหายใจรวยริน จมกองเลือด
คนเราเมื่อถึงคราวซวย อะไรก็ช่วยไม่ได้
เพราะคุณนายลัดดา ได้ยินเสียงโครมคราม เอะอะโวยวายในบ้านจึงตื่นแล้วเดินลงมาดู
ลัดดาเล่าว่า ทันทีที่เปิดประตูเอี๊อดดออกมา ก้อไม่มีเสียงอะไรในบ้านอีก เรียกใครก้อไม่มีเสียงตอบ
ลัดดาว่า.....ตอนนั้น ทั้งบ้านก้อมีแต่เสีย่งรองเท้าแตะของเธอขณะลงบันใด เท่านั้นก็ดังแว่วๆเป็นจังหวะมาถึงห้องข้างล่าง
ด้วยเสียงนี้เอง น่าจะทำให้พวกโจรรู้ตัว และคิดจะทำร้าย หรือจับเธอเป็นแน่ ลัดดาว่า สาวใช้ของเธอน่าจะพยายามช่วยเธอ
เพราะเมื่อลงมาเกือบถึงโถงห้องรับประทานอาหาร เธอเห็นภาพสาวใช้ผู้ภักดีก็กระโดดเข้ากอดขาสองโจรด้วยมือซ้ายและขวาไว้อย่างแน่น
เท่าที่ผู้หญิงวัยสี่สิบอย่างจะทำได้ พลางเงยหน้าตะโกนสวนไปในแสงสลัวของบ้าน
"คุณนายลัดดา....แล้นค่ะ! แล้นๆๆๆ "
(คำว่า "่แล้น"ในภาษาอีสาน แปลว่า "วิ่ง")
เธอหวังตอบแทนคุณให้คุณนายลัดดารีบหนีไปโดยเร็วก่อนที่จะมีอันตราย
คุณนายลัดดา ถลาเข้าเอาสันมือทุบสวิตช์ไฟ
ทันทีที่ไฟสว่าง สาดส่อง พลันเห็นภาพภาพสาวรับใช้กอดรั้งขาชายสองคน ที่เธอไม่รู้จัก
ร่างกายสาวใช้เต็มไปด้วยเลือดและรอยแผล หน้าตาเธอบวมปูด ปากเจ่อเป็นครุฑ แต่ก็พยายามที่จะบอกกับตัวของลัดดาให้หนี
"แล้น!!!... ข่อยบอกให่แล้น..." เสียงตะโกนออกจากปากสาวใช้
พร้อมภาพสองโจรพยายามสบัดขาให้หลุดจากมือสาวใช้ที่เกาะกุมรัดแน่น....
สองโจรช่วยกันแตะต่อยสาวใช้ให้รีบปล่อยมือ
"แล้นเด้อ คุณนายลัดดาแล้น ...ข่อยขอครั้งสุดท้าย" ความตั้งใจของสาวใช้ไม่เปลี่ยนแปลง
สิ้นประโยค คุณนายลัดดามิรอช้า วิ่งโกยเท่าที่เท้าของผู้ดีอย่างเธอจะสามารถทำความเร็วได้
สองโจรเห็นท่าไม่ดี จึงหันมาใช้มีดรุมแทงสาวใช้ผู้ภักดีจนเสียชีวิตจมกองเลือด
ก่อนที่โจรร้ายทั้งสองจะรีบหนีไปโดยไม่ได้ทรัพสินอะไร....
...ตำรวจที่ทำคดีบอกว่าเลือดสาวของสาวใช้ชาวอีสานนี้ ไหลนองมาถึงบันไดหน้าบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางไกลมาก
สำหรับคนหนึ่งคนจะมีเลือดขนาดนี้ จนตำรวจที่ทำคดีแปลกใจ
หากเลือดเป็นจิตวิญญานของสาวใช้มันคงไหลไปตามหาคุณนายลัดดา
ส่วนอีกศพในที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในตู้เย็น เป็นร่างของสาวใช้ชาวพม่า...
หลังเกิดเรื่องขึ้น สำหรับคุณนายลัดดามันเศร้า แต่สำหรับคนอื่นไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเรื่องราวที่คุณนายลัดดาเล่า
เพื่อนของคุณนายลัดดามักเอามาพูดสนุกในวงสนทนาว่า
ที่คุณนายลัดดา รอดตายมาได้เพราะ ...
...คุณนายลัดดาแล้น หรือวิ่งหนีออกมาได้ทัน...
เมื่อเพื่อนๆพบเธอมักพูดล้อเลียนว่า "คุณนายลัดดาแล้นค่ะ"
เมื่อใครพูดถึงเธอ ก้อจะเรียกเธอทำนองล้อเลียนว่าของคุณนาย "ลัดดาแล้น"
ไม่เว้นแม้หมู่บ้านลัดดา ซึ่งก้อเพี้ยนมาเป็น "ลัดดาแลนด์"ในปัจจุบัน
ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ หลังเกิดเหตุเมื่อจัดการเรื่องต่างๆแล้ว ลัดดาก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุอีกเลย
เพราะคนรวยเช่นเธอจะซื้อบ้านใหม่อยู่ที่ไหนก็ได้
ตอนนี้เธอกลับมาอยู่ กรุงเทพ บ้านเกิดแล้ว
และแน่นอนเมื่อเวลาผ่านไปชีวิตในกรุงเทพทำให้เธอค่อยๆลืมเรื่องสาวใช้ของเธอไป
ลัดดาไม่เคยทำบุญให้กับสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนั้น ด้วย
ลัดดาได้ลืมแล้ว หรือเธอไม่อยากจะจำแล้ว ก็ไม่รู้ได้
สาวใช้ผู้มีบุญคุณค่อยๆจางไปจากความรู้สึกของเธอที่เป็นคนสังคมชั้นสูง วันหนึ่งๆมีแต่งานสังสรรและออกสังคม
...ด้วยเหตุนี้
ชาวบ้านแถวนั้นจึงลือว่า วิญญานสาวใช้ที่ห่วงพะวง ก็มิได้ไปผุดไปเกิด ด้วยดวงใจภักดีห่วงใยลัดดาผู้เป็นเจ้านาย
ดวงวิญญานจึงเฝ้าตะโกนก้องให้เจ้านายของตนวิ่งหนีจากภัยร้าย
ในทุกวันพระ คนในหมู่บ้านจัดสรรจะได้ยินเสียง แว่งมาตามลมจากบ้านของลัดดา ว่า
"คุณนายลัดดาแล้น...ค่ะ แล้น!."
เสียงนี้ลอยหลอนในอากาศ จนคนในหมู่บ้านอยู่กันไม่ได้ ค่อยๆทะยอยย้ายหนีไปจนหมด
คนแถวนั้นจึงเรียกหมู่บ้านลัดดาว่า "หมู่บ้านลัดดาแล้น"
แล้วเพี้ยนมาเป็น"ลัดดาแลนด์" จากคนที่ไม่รุ้ประวัติความเป็นมา เพราะคำว่าแลนด์มันคุ้นปาก เลยคิดกันไปเอง
วันนี้ผมได้เล่าเรื่องจริง ให้คุณฟังกันแล้ว ...
เรื่องที่ผมได้ยินมาจากคนในเหตุการจริงก็เป็นแบบนี้เหละ....
...คุณเชื่อไหมล่ะ...
หรือคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ หมู่บ้านลัดดาแลนด์มาอย่างไร?????
"เล่าให้ผมฟังมั่งสิ!"
..........................................................................\\\\\\\\\\\\\\\\\\....................................................................................................................
#ภาพประกอบจาก
#หอภาพถ่ายล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บริเวณหมู่บ้านลัดดาแลนด์
#โปสเตอร์หนังเรื่องลัดดาแลนด์ของบริษัทGTH
#Freepik.com
ความคิดเห็น