อื่นๆ

ปันน้ำใจ ให้น้องบนดอย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ปันน้ำใจ ให้น้องบนดอย

ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้ในสมองมานานนับปี ว่าจะต้องเขียนเรื่องของจิตอาสา “เพื่อน้องบนดอยสูง” เข้าสักวัน ครั้งแรกที่ถูกชวนขึ้นดอย เพื่อไปบริจาคของให้น้อง ๆ ชาวเขา เรื่องจิตอาสาตอนนั้น ไม่มีในใจเลย ในฐานะของคนเล่นกล้อง คิดถึงแค่แววตาใส ๆ หน้าตามอมแมม ขี้มูกเกรอะกรังเต็มใบหน้า เพื่อนที่ถ่ายรูปด้วยกันชวนไปเลยลองดู ตอนที่เตรียมตัวจะขึ้นดอย ไม่ได้หาของที่จะเอาไปให้น้อง ๆ เลย คิดแต่เรื่องของตัวเอง อากาศบนโน้นจะเป็นอย่างไร ต้องแต่งตัวอย่างไรให้ปลอดภัย เตรียมกล้องและเลนส์ที่จำเป็นสำหรับการเก็บรูปสวย ๆ ต้นเรื่องของทริปขึ้นดอยครั้งนี้เริ่มจาก เพื่อนในเพจถ่ายรูปที่รู้จักกันผิวเผิน คุยกันบ้างในคอมเม้นท์ใต้รูปที่โพสต์ตามโซเชี่ยล ครอบครัวเค้าเป็นคนริเริ่มที่จะทำอะไรดี ๆ เพื่อสังคม  ชื่อ "บ้านห้วยโค้ง" ไม่เคยอยู่ในระบบความทรงจำของสมอง ชื่อที่จูงใจมากกว่า 80% ตอนนั้นคือ “อมก๋อย” อำเภอหนึ่งของเชียงใหม่ ที่อยู่บนดอยสูง อากาศหนาวเย็นตลอดปี ฉันใฝ่ฝันมานานแล้วว่าวันหนึ่ง ฉันต้องมาเยือนอมก๋อยให้ได้ เราออกเดินทางกันแต่เช้า แวะตลาดสดที่ฮอดเพื่อหาอะไรกินและซื้อของสดเตรียมไปทำอาหารบนดอย ชายหนุ่มโชเฟอร์รถของฉันจ่ายตลาดแบบแคล่วล่องคว่องไว ดูมีภาพพจน์ที่ดีของการเป็นพ่อบ้าน ฉันกับเพื่อนสาวอีกคนก็แค่เดินหาขนมกิน ช่วยเขาถือของบ้างแก้เก้อเท่านั้นเอง ออกจากฮอดเราเลี้ยวขวาเข้าเส้น ฮอด – แม่สะเรียง ขับเลาะริมเขาเลียบแม่น้ำ โค้งไป โค้งมาพอให้นำลายเปรี้ยว

Advertisement

Advertisement

หนทางขึ้นดอยบางส่วนยากลำบาก

พอถึงสวนสนบ่อแก้ว เราพักรถเข้าห้องน้ำ และถ่ายรูปทิวต้นสนที่สวยงาม เลยสวนสนมาหน่อยเดียว มีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าอมก๋อย แค่เห็นป้ายอมก๋อยฉันก็ตื่นเต้นดีใจ หายเมารถ เปิดกระจกรถรับลมเย็นและสนใจกับวิวข้างทาง จุดนัดพบแรกคือที่ว่าการอำเภออมก๋อย มีรถหลายคันมารออยู่แล้ว กำลังแยกของ ขนของเตรียมขึ้นดอย พอทุกคนพักรถและทักทายกันพอประมาณ ทีมงานก็เอาสติ๊กเกอร์เพื่อน้องบนดอยสูงมาติดรถของจิตอาสาทุกคัน หลังจากนั้นขบวนรถก็พร้อมมุ่งหน้าขึ้นดอย รถออกนอกตัวเมืองไม่เท่าไร ถนนก็เปลี่ยนเป็นถนนดินฝุ่นคละคลุ้ง ยิ่งห่างเมืองออกไป ยิ่งไม่เห็นบ้านคน พอเข้าเขตของป่าเขา ถนนก็แคบลง เป็นหลุมเป็นบ่อ ถ้าหน้าฝนน่าคงจะเดินทางลำบากแน่ ๆ

รถขนของขึ้นดอย

ระยะทางจากตัวเมืองไปบ้านห้วยโค้งแค่ยี่สิบกว่ากิโล แต่ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง กว่าจะขึ้นไปถึงก็เย็นมากแล้ว มีเวลาลั้นลาชมวิวพระอาทิตย์ตกไม่นานก็ต้องรีบอาบน้ำ ทันทีที่ตักน้ำราดตัว ก็สะดุ้งเฮือก แล้วก็สั่น ถูสบู่ไปตามหน้าที่ รีบสระผม แล้วก็เอาน้ำ ราดๆๆ แบบรัว ๆ น้ำประปาจากภูเขาเย็นมาก ถึงขั้นเย็นยะเยือกเลยทีเดียว อาบน้ำเสร็จก็รีบมาช่วยกันทำอาหาร เมนูวันนี้เป็นน้ำพริกอ่อง ซึ่งรสชาติสุดโต่งมาก จะเผ็ดไปไหน ตอนจะผัดกะหล่ำปลี ฉันรู้แกวแอบผัดแบบไม่ใส่พริกก่อน ที่เหลือค่อยผัดให้มวลชน เพราะพี่แกใส่พริกแน่ ๆ รถที่ตาม ๆ กันมา และรถที่มาถึงก่อนหน้า บางคนทำอาหารกินกันเอง แต่ก็มาตักที่เราทำไปกินด้วย คุณครูเตรียมห้องเรียนของเด็ก ๆ ให้พวกเรานอน ย้ายโต๊ะและเก้าอี้ ไปไว้มุมห้อง ตรงกลางห้องปล่อยโล่งว่าง มีร่องรอยการเช็ดถูใหม่ สะอาดเอี่ยมจนเราไม่กล้าใส่รองเท้าเดินเข้า ชุดเครื่องนอนแม้จะไม่ใหม่เอี่ยม แต่ก็ผ่านการซักสะอาดมาเป็นอย่างดี ในห้องนี้เค้าปูที่นอนให้ประมาณ 8 ชุด ฉันโยนกระเป๋าตัวเองลงไปบนที่นอนอันหนึ่งที่มุมห้อง ของเพื่อนคืออันถัดมา  ช่วงที่เราเข้านอนก็ยังมีเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบริเวณโรงเรียน สัญญาณโทรศัพท์มีแค่ของ เอไอเอส ระบบอื่นไม่มีสัญญาณเลย ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางทำให้ฉันหลับอย่างง่ายดายม้วนเดียวจบถึงเช้า

Advertisement

Advertisement

“ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง ..” มีเสียงโทรโข่งดังมาจากสนามหน้าโรงเรียน ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เนื่องจากพวกหนุ่มที่มาบางคนกางเต้นนอนข้างนอก และแอบตั้งวงเฮฮากันบ้างพอหอมปากหอมคอ กองไฟที่ก่ออยู่ข้างสนาม ใช้ไม้ที่ใหญ่กว่าท่อนขามาเป็นฟืน รอบกองไฟมีหมาน้อยนอนเรียงรับไออุ่น ที่สนามโรงเรียนรถบางคันเปิดท้ายกระบะ เอาเตาแก๊สปิกนิคต้มน้ำร้อนชงกาแฟ ฉันก็เข้าไปทักทายเอาดื้อ ๆ แล้วก็เดินกลับออกมาพร้อมกาแฟร้อนหอมกรุ่นอยู่ในอุ้งมือ

ทำอาหารให้น้อง

ฉันเริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ โรงเรียน ด้านหลังมีอาคารสำหรับเด็กเล็ก มีห้องเรียนแค่สามห้อง ข้าง ๆ กัน มีแผงโซล่าเซลส์สำหรับผลิตกระแสไฟให้ใช้งานยามจำเป็น สนามหน้าโรงเรียนเป็นแค่พื้นดินอัดแข็ง ในส่วนของโรงครัว สภาพยังใหม่มากแสดงว่าเพิ่งสร้างมาไม่นาน มีถาดหลุมสำหรับใส่อาหารให้เด็กวางเรียงเป็นตั้ง ๆ มีหม้อใหญ่สำหรับปรุงอาหารพร้อมสรรพ ในครัวมีจิตสาอาที่มาด้วยกัน ลงมือปรุงอาหารให้น้อง ๆ วันนี้ พอเริ่มสาย ที่สนามก็มีกิจกรรม มีเกมให้น้อง ๆ เล่น มีมอบทุนการศึกษา  มีพี่ ๆ จิตอาสามาช่วยน้อง ๆ ตัดผม ทุกคนสนุกสนานเฮฮา โดยเฉพาะเด็ก ๆ ดีใจที่ได้ขนม ได้อุปกรณ์การเรียน ถึงตอนที่ตักอาหารแจกน้อง ๆ ก็มีการร้องเพลงขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง

Advertisement

Advertisement

มื้ออร่อย

สิ่งที่สะท้อนอกมาก ๆ คือภาพของชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นมายืนรอรับอาหารและของแจกด้วย ตอนแรกฉันโฟกัสแค่เด็ก ๆ แต่พอกลับหลังหันออกมา ภาพของชาวบ้านที่มายืนรอ สายตาของทุกคนมีความหวังที่จะได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านไป ในยุคที่ถุงผ้ากำลังเข้ามาแทนที่ถุงพลาสติก จึงมีถุงผ้ามือสองหลากสีมากมายตกมาถึงมือแม่บ้านชาวดอยเหล่านี้ พวกเค้าดีใจที่ได้ถุงผ้าสีสวย แววตาชื่นชอบเหมือนได้ของล้ำค่า ขณะที่พวกเราเหวี่ยงเก็บคนละทิศคนละทาง ตุ๊กตาหมี ที่เราเห็นว่าเกะกะรกเตียง กลายเป็นเพื่อนใหม่ที่โปรดปรานของเด็ก ๆ คณะจิตอาสาส่วนหนึ่งแยกตัวไปถวายพระพุทธรูปให้สำนักสงฆ์เล็ก ๆ ที่หมู่บ้านถัดไป ก่อนจบกิจกรรมทั้งหมด นักเรียนทุกคนเข้าแถว คุณครูขึ้นรับมอบทุนสำหรับพัฒนาโรงเรียน แล้วกล่าวขอบคุณคณะจิตอาสา พวกเราโบกมืออำลาทุกคน และสัญญาหากมีโอกาสจะกลับมาอีก เด็ก ๆ และชาวบ้านโบกมือบาย บาย ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนที่รถเรากำลังจะออกนอกโรงเรียน ฉันก็ได้ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อหันไปเห็น เด็กน้อยสองคนยืนแอบอยู่ที่ประตูรั้ว เค้าทั้งสองประนมมือ ย่อไหว้สวยงามแล้วเงยหน้ามาส่งยิ้ม โบกมือลา ..

นำพระพุทธรูปไปถวายสำนักสงฆ์ของหมู่บ้าน


การออกทริปนครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย ได้รู้ได้เห็นโลกนอกกะลาของฉัน คำว่า “ทุกข์” ที่ประสบมา กลายเป็นเรื่องไร้ค่าเมื่อมาเห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่ กลับมาถึงบ้าน ฉันเริ่มเก็บของที่สภาพยังใช้ได้ เสื้อผ้าที่ซื้อมาใส่แค่หนเดียวก็แขวนเก็บ เสื้อกันหนาวที่ไม่ได้ใช้แล้ว ฯลฯ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตารอทริปต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ หวังแค่ว่าของของฉันคงมีโอกาสไปมอบให้น้อง ๆ บ้าง ไม่ได้มาตัวเปล่าแบบนี้

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์