อื่นๆ

ครั้งแรกกับประสบการณ์ เดินสายทำบุญ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ครั้งแรกกับประสบการณ์ เดินสายทำบุญ

ครั้งแรกกับประสบการณ์ เดินสายทำบุญ

สำนักสงฆ์ บ้านโชคชัยภาพโดย นามปากกา A.P.Y

สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ที่พึ่งผ่านมา ไม่กี่อาทิตย์ ซึ่งประสบการณ์นี้จะเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวผู้เขียนเกิดอยากจะทำความดีครั้งใหญ่ให้กับหมู่บ้าน นั้นก็คือ การเดินเท้าเปล่าไปตามหมู่บ้าน ทั่วอำเภอ เพื่อที่จะเชิญชวนศาสนิกชนชาวพุธ มาร่วมกันทำบุญสร้างพระวิหาร ที่สำนักสงฆ์บ้านโชคชัย มันจะเป็นยังไงไปดูย่อหน้าถัดไปเลยค่ะ

รวมตัวกันที่วัดภาพโดย นามปากกา A.P.Y

เดิมแต่ก่อนหมู่บ้านของนักเขียน เวลามีวันพระหรืองานบุญต่าง ๆ จะไปรวมกับวัดเหมืองง่า ( เป็นวัดของอีกหมู่บ้านที่ใกล้เคียงกัน ) แต่คราวนี้ได้มีการแยกตัวออกมาสร้างวัดเอง แต่ยังสร้างได้ประมาณ 15 % เลยยังเรียกว่าสำนักสงฆ์ ได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว เหตุเพราะว่าผู้ใหญ่บ้านเล็งเห็นความสำคัญของคนในหมู่บ้านนั้นก็คือผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ต้องเดินทางไปอีกวัดอย่างยากลำบาก เพราะว่าวัดที่หมู่บ้านผู้เขียนแยกตัวออกมา มันต้องข้ามถนน และเป็นถนนสายหลักที่รถวิ่งผ่านไปมาด้วยความเร็วอีกด้วย มันอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เฒ่าผู้แก่ได้นั่นเอง

Advertisement

Advertisement

เริ่มแรกภายในหมู่บ้าน เขาได้มีการประชุมกันว่าก่อนช่วงปีใหม่ไทย จะเดินสายไปตามหมู่บ้านเพื่อที่จะขอผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ มอบเศษตังเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามกำลัง เพื่อที่จะมาสร้างพระวิหารที่สำนักสงฆ์บ้านโชคชัย โดยการให้ส่งตัวแทนคนในบ้านหลังละ กี่คนก็ได้ หรือคนนี้มาแล้วอาจจะสลับกับอีกคนในบ้านก็ได้นั่นเอง แต่ส่วนใหญ่จะมาทุกบ้านค่ะ เพราะเขาอยากช่วยกันสร้างพระวิหารและเป็นการทำบุญใหญ่อีกด้วยน่า โดยจะเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 14 – 24 มีนาคม 2563 รวม ๆ แล้ว 11 วัน วันแรกกับวันที่สอง พ่อของผู้เขียนได้ไปช่วยงาน แล้วกลับมาบ้าน ผู้เขียนเลยถามเกี่ยวกับการเดินสายทำบุญนี้เป็นยังไงบ้าง พ่อก็เล่า ๆ ไป ว่าพ่อเป็นคนเสิร์ฟน้ำบนหลังรถกระบะ แล้วผู้หญิงในหมู่บ้าน ( ส่วนใหญ่จะอายุรุ่นแม่ ๆ ผู้เขียนค่ะ เพราะว่าคนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ไปเรียนต่างจังหวัดกันหมด ) โดยเขาจะจับคู่ถือสลุงเงินและสมุดจดยอดที่ได้  เข้าไปตามบ้านแต่ละหลัง แต่ละหมู่บ้าน เพื่อขอเชิญร่วมทำบุญตามกำลังจิตศรัทธา พอได้ฟังแบบนั้น เราก็รู้สึกว่าเราเป็นคนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ร่างกายเรายังแข็งแรง มีโอกาสได้ทำก็อยากจะทำบ้าง อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อหน่าย แล้วรู้สึกอยากจะไปอยากจะช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน และสำนักสงฆ์ของหมู่บ้านอย่างทันทีทันใดเลยค่ะ แถมยังได้บุญใหญ่อีกด้วย

Advertisement

Advertisement

สลุงร่วมทำบุญ

ภาพโดย นามปากกา A.P.Y

สลุงตัง

ภาพโดย นามปากกา A.P.Y

วันที่ 16 มีนาคม 2563 ใส่ชุดขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ หมวกกันแดด ปอกแขนกันแดด และที่สำคัญจะลืมไม่ได้นั้นก็คือ แมสหน้ากากอนามัย เพราะว่าช่วงนี้โควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ก็ไม่ลืมที่จะป้องกันตัวเองไว้ ในวันแรกก็พร้อมที่จะได้ไปช่วยงานเดินสายทำบุญ ซึ่งภายในบ้านของผู้เขียนได้ออกไปช่วย 3 คน คือมี พ่อ ตัวผู้เขียน และน้องสาว เวลา 07 : 30 น ไปรวมตัวกันที่วัด ที่วัดก็จะมีคนใส่แมสทุกคนเลยค่ะเป็นการป้องกันไวรัสได้ดีมาก อยู่ที่วัดก็จะมี ลุงป้าน้าอา จัดแจงสิ่งต่าง ๆ แบ่งหน้าที่กันทำงาน คนถือสลุงก็จับคู่กัน มีรถน้ำ รถแห่ฉัตร รถโฆษก รถตู้ไว้ให้คนที่เดินถือสลุงได้นั่ง เพราะจะมีบ้านที่มันห่างกัน จำเป็นต้องใช้รถตู้มาบรรจุคนนั้นเอง พอถึงที่หมายก็เริ่มออกเดินสาย โดยแบ่ง รถตู้ละ 1 หมู่บ้าน ทยอยกันลงไปตามซอกซอย ร่วม ๆ แล้วกลายเป็นว่าเราสนุกมาก ๆ สนุกกับการที่เข้าไปทักทาย ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านที่เราไปเดินสาย ส่วนใหญ่เขาจะใส่คนละ 20 กันค่ะ แบงก์ 20 นี่เต็มสลุงเลยทีเดียว นาน ๆ ไหน จะมีแบงก์ร้อย ฮ่า ๆ ส่วนตัวผู้เขียนชอบการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ของป้อหนาน โฆษก ที่มาช่วยงาน มาก ๆ เลยค่ะ ป้อหนานท่าน พูดจาเป็นกันเอง ฟังแล้วมีกำลังใจจะเดินต่อมาก ๆ ฮ่า ๆ ซึ่งในวันนั้นแดดไม่ค่อยมีเลยค่ะ เพราะมันมีแต่ฝุ่นควัน มากลบแสงอาทิตย์ซะหมด พอถึงเที่ยงก็แวะพักกินข้าวที่ตลาดนัด ต่างคนต่างเอากับข้าวที่ห่อมากินรวมกัน แบ่งปันกันไป เล่าเรื่องที่ไปเจอต่าง ๆ นานาระหว่างการเดินสายนี้ บางบ้านก็ปิดเงียบ บางคนก็โบกมือบ๊ายบาย ฮ่า ๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลย ค่ะ พอตอนเย็นกลับวัดแม่บ้านก็มีเลี้ยงอาหาร ซึ่งประสบการณ์นี้ ไม่ลองสักครั้งจะไม่รู้เลย ว่ามันเป็นยังไง มีโอกาสได้ทำก็ทำค่ะ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มกับสิ่งที่ได้มา ที่ได้ทำความดี และได้ทำบุญครั้งใหญ่แบบนี้ น้อยครั้งที่จะได้เจอและได้ทำใช่ไหมคะ

Advertisement

Advertisement

บรรยากาศช่วงเช้าภาพโดย นามปากกา A.P.Y

ภาพบรรยากาศช่วงเช้าภาพโดย นามปากกา A.P.Y

รับประทานอาหารเที่ยงภาพโดย นามปากกา A.P.Y

พักเหนื่อยภาพโดย นามปากกา A.P.Y

สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากถึงวัยรุ่น หรือคนหนุ่มสาว ที่ยังมีกำลังแข็งแรง แล้วมีโอกาสที่จะได้ทำ ทำเลยค่ะ อย่าไปมองว่ามันเหนื่อย มันแดดร้อน ทำในตอนที่พละกำลังเรายังดี แถมยังได้บุญติดตัว ได้ช่วยเหลือสังคมอีกด้วยน่า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์