อื่นๆ
ยายซ่อนศพ
เรื่องเล่าสุดสยองนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากตัวเมืองของจังหวัดแพร่ เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเดินทางลำบาก เส้นทางในการสัญจรเข้าตัวหมู่บ้าน ต้องเดินทางผ่านภูเขาและเหล่าแมกไม้ตลอดสองข้างทาง ถนนก็มีลักษณะแคบ เป็นหลุมเป็นบ่อ และที่สำคัญไม่ใช่ถนนลาดยาง เป็นเพียงถนนที่เป็นดินแดงตลอดสองข้างทางเกือบ 60 กิโลเมตร และสองข้างทางไม่มีแสงไฟเลยในสมัยนั้น มีแต่ป่าไม้และหญ้ารก
คนในหมู่บ้านแห่งนี้พึ่งพาอาศัยกัน...ไปมาหาสู่ เนื่องจากผู้คนในหมู่บ้านไม่เยอะมาก แต่แตกต่างจากบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังค่อนข้างเก่า ยกสูงมีใต้ถุนบ้าน บ้านหลังนี้มีตากับยาย อายุประมาณเกือบๆ 80 ปี อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ไม่สุงสิงกับชาวบ้านมากนัก หรือแทบเรียกได้ว่า...ไม่ออกจากบริเวณบ้านมาพูดคุยกับชาวบ้านในหมู่บ้านเลย และเนื่องจากคุณยายเป็นคนหวงบ้านมากๆ เมื่อใครเข้าใกล้บริเวณบ้านก็จะตะโกนขับไล่ตลอดเวลา เรื่องราวในวันนั้นเป็นช่วงหน้าฝน ชาวบ้านเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้ นั่นคือเสียงไอ ที่ค่อนข้างหนัก และดูทรมานมากๆ ของคุณตา เสียงไอของตาดังมากจนคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงทราบว่าคุณตานั้น น่าจะกำลังป่วยหนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนในหมู่บ้านอยู่แล้ว ที่มักจะไม่มีการออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวเมือง คุณตาก็เช่นกัน เนื่องจากคนในหมู่บ้านนี้มักหาสมุนไพรจากป่าไม้รักษาอาการป่วยกันเสียมากกว่า และเพราะปัญหาเรื่องการเดินทางที่เป็นปัจจัยหลักของชาวบ้าน ตกดึกช่วงเวลาประมาณตี 1 เสียงไอของคุณตาดังแบบทรมานมากๆ เสียงไอนั้นดังจนทำให้ ป้าทิพย์ ที่มีบ้านอยู่ใกล้กับบ้านของตาและยายมากที่สุด นอนไม่หลับเพราะเสียงรบกวน แค่ก.....แค่กกก ! ป้าทิพย์จึงออกมาดูที่ชานระเบียงหน้าบ้าน ประมาณไม่ถึงสองนาที เสียงไอของคุณตาก็เงียบลงไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ป้าทิพย์จึงกลับเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็ไม่ได้ยินเสียงของคุณตาอีกเลย จนป้าทิพย์และชาวบ้านเริ่มเห็นว่าผิดสังเกต จึงได้รวมตัวกันไปเรียกคุณตากับคุณยายด้วยความเป็นห่วง แต่กลับมีเสียงแหบพร่าของคุณยายตะโกนกลับมา “ออกไป!”
Advertisement
Advertisement
ผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ ช่วงเวลาตอนกลางคืนชาวบ้านมักจะเห็นคุณยายนั่งคุยกับคุณตา เสียงพึมพรำๆ ฟังจับใจความไม่ค่อยได้มากนัก แต่ก็ได้ยินแต่เสียงของคุณยายเพียงคนเดียว และที่ผิดปกติไปกว่าการได้ยินคุณยายนั่งคุยกับคนตาเพียงคนเดียวก็คือ กลิ่นเหม็นสาบ เน่า ที่เริ่มกระจายออกมาจากตัวบ้านของคุณยาย และเนื่องจากเป็นหน้าฝน จะมีฝนตกพรำตลอดเวลาบวกกับกลิ่นเน่าที่คลุ้งไปทั่ว จนชาวบ้านรู้กันว่าคุณตานั้นน่าจะเสียชีวิตลงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปที่บ้านของคุณยายเลย เนื่องจากคุณยายมักจะตะโกนขับไล่ชาวบ้านเสมอ
จนคืนวันหนึ่งประมาณ 4 ทุ่มเศษๆ ชาวบ้านเริ่มทนกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งที่เหม็นออกมาจากบ้านของคุณยายไม่ไหวจึงรวมตัวกันไปที่บ้านของคุณยาย เนื่องจากบางคนก็นอนไม่หลับเพราะกลิ่นนี้มันช่างรบกวนเวลานอนเหลือเกิน เมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านก็เห็นเงาคุณยายที่สะท้อนกระทบแสงเทียนนั่งชันเข่าหลังงอคุยพูดคุยพึมพัมๆ อยู่ อยู่ชาวบ้านจึงตะโกนเรียกคุณยาย คุณยายค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างช้า ๆ ช้า..ช้า และมองหากลุ่มชาวบ้านในความมืด ใบหน้าเหี่ยวๆ และดวงตาที่ลึก บวกกับสีผมขาวโพลน ตะโกนกลับไปหาชาวบ้านด้วยน้ำเสียงดุดันและเกรี้ยวกราด เสียงหญิงชราตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ออกไป...อย่ามายุ่งกับชีวิตกู พวกมึงออกไปกันให้หมด ออกไปจากบ้านกู!” ชาวบ้านก็พูดคุยกล่อมคุณยายให้นำศพคุณตาไปเผาและทำพิธีของหมู่บ้าน แต่คุณยายกลับโกรธมากกว่าเดิม คุณยายกรีดร้องอ้าปากกว้าง ขว้างปาข้าวของใส่ชาวบ้าน น้ำหมากที่คุณยายกินก็ไหลกระเด็นออกมา พร้อมตะโกนด่าชาวบ้านไม่เป็นประโยคไล่ให้ชาวบ้านออกไปจากบริเวณบ้าน
Advertisement
Advertisement
จนเช้าวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็ร่วมพูดคุยปรึกษาหารือกันร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อจะจัดการกับคุณยายและศพของคุณตาให้ได้นำมาทำพิธีตามหลักความเชื่อของคนในหมู่บ้าน บ่ายของวันนั้นชาวบ้านตกลงกันว่าจะบุกเข้าไปที่บ้านของคุณยาย เพื่อจัดการศพของคุณตา จึงรวมตัวกันเดินทางไปที่บ้านของสองตายายเมื่อมาถึงก็ตะโกนเรียกคุณยาย ได้ยินแต่เสียง...แกรกๆ เหมือนมีใครเดินวนไปวนมาอยู่บนตัวบ้าน และกลิ่นเน่าคละคลุ้งที่ฉุนแตะจมูก ไม่มีการตอบรับ ชาวบ้านจึงบุกขึ้นไปบนบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไป ชาวบ้านก็ต้องขนลุกซู่ เมื่อเห็นภาพ ร่างไร้วิญญาณของศพเน่าอืด น้ำหนองไหลเยิ้ม หนอนไชตามร่างกายนอนอยู่กลางบ้าน ที่น่าสยดสยองและน่ากลัวไปกว่านั้นคือไม่ได้มีแค่ศพเดียวแต่กลับมีร่างไร้วิญญาณนอนคู่กันถึงสองร่าง ซึ่งทั้งสองร่างคือคุณตาและคุณยายที่มีสภาพขึ้นอืด ผิวคล้ำม่วง ซึ่งดูจากสภาพศพแล้วทั้งคู่น่าจะเสียชีวิตมานานมากแล้ว แล้วคนที่ตะโกนขับไล่ชาวบ้านเมื่อคืน และสียงที่พูดคุยกับคุณตา ทุกๆ คืนละมันคืออะไรกันแน่
ความคิดเห็น