อื่นๆ

ท้องฟ้าบำบัด

202
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ท้องฟ้าบำบัด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในแต่ละวันชีวิตเราต้องพบเจอกับวุ่นวายมากมายจนในบางครั้งมันก็ทำเราเหนื่อย ท้อ ล้า ไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สุดท้ายเราก็ต้องหาวิธีที่จะตื่นมาใช้ชีวิตในวันรุ่งขึ้นอย่างสดใสที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ซึ่งฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบที่คนเยอะ ไม่ชอบการพบป่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะดูดพลังของฉันให้หมดได้อย่างไว้แต่นั้นก็ปฏิเสธไม่ได้สำหรับวิถีชีวิตและสังคมในยุคสมัยนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาฉันพยายามหาวิธีเติมเชื้อพลังให้ตัวเองอยู่หลากหลายวิธีมีทั้งได้ผล ไม่ได้ผล และวันนี้ฉันจะมาพูดถึงหนึ่งในวิธีที่ทำให้ฉันสามารถชาร์ตพลังได้อย่างน่าแปลกใจและวิธีนั้นคือ.....

การแหงนมองท้องฟ้า

ฉันเรียกวิธีนี้ว่า "ท้องฟ้าบำบัด" อาจฟังดูแปลกและมันคงแปลกจริง ๆ แหละ แต่ฉันมาสังเกตตัวเองว่าทุกครั้งที่แหงนหน้ามองท้องฟ้าในใจรู้สึกโล่ง รู้สึกสงบ ในหัวรู้สึกสบาย เหมือนฉันได้พาตัวเองออกจากความวุ่นวาย ความเหนื่อยล้า ความท้อแท้ ที่ฉันพบเจอไปในวันหนึ่ง ฉันเลยอยากลองมาแบ่งปันวิธีนี้ให้กับทุกคนเผื่อจะสามารถเป็นหนทางในการช่วยชาร์ตพลังตัวเองให้กลับมาเต็มได้อีกครั้ง

Advertisement

Advertisement

ภาพจากระเบียงหอท้องฟ้ากว้างทำให้ทุกครั้งที่แหงนหน้ามองช่วยสลัดความอึดอัดในใจได้ไม่น้อย มันกว้างจนรู้สึกสบายตัวและสบายใจ เมื่อโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวของมวลเมฆที่ทำให้เห็นว่าพวกมันค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ อยู่บนนั้น เหมือนเป็นการโฟกัสและจดจ่ออยู่กับสิ่ง ๆ หนึ่ง คงคล้าย ๆ การสร้างสมาธิในตอนนั้นเสียงในหัว เสียงในใจจะดังออกมาชัดเจน และนี้คงเป็นสิ่งที่ชาร์ตพลังและพาเราออกจากทุกอย่างรอบตัวแล้วมาอยู่กับตัวเอง

มีท้องฟ้าเป็นเพื่อนเมฆที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ ทำให้การหายใจของเราช้าและลึกขึ้น เหมือนได้กำหนดลมหายใจไปตามจังหวะการเคลื่อนตัว ช่วยให้ได้หยุดนิ่งอยู่กับตัวเองมากขึ้น โฟกัสแค่สิ่งตรงหน้า ฟังเสียงตัวเอง ฟังหัวใจตัวเอง ฟังความคิดตัวเอง และทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น เคลียร์สิ่งไม่ดีปล่อยไปกับเมฆที่ลอยผ่านไปให้เหลือไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ และจำเป็นใส่เข้าไปในลิ้นชักความคิดให้เรียบร้อย

Advertisement

Advertisement

มุมหนึ่งของหอระหว่างเดินเล่นท้องฟ้าสีม่วงดีต่อใจและการที่ไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าถึงลวยลายบนท้องฟ้าของแต่ละวัน มันเป็นเสน่ห์พาเราให้ได้ลองจินตนาการแล้วยังสวยเตือนให้เรารู้ดีอีกว่า "ไม่ควรยึดติด" เพราะเรื่องราว ชีวิต หรืออะไรต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรอยู่นิ่งเช่นดังก้อนเมฆนั้นแหละ เราแค่ชื่นชมในสิ่งที่มันเป็น ชื่นชมในสิ่งที่เราสัมผัส โดยไม่ต้องพยายามคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ

เอาจริง ๆ คืออยากให้ทุกคนได้ลองมองท้องฟ้าแล้วปล่อยความคิด ความรู้สึก ไปกับการเคลื่อนไหวของข้างบนนั้น ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องสนใจอะไรรอบข้างแค่อยู่กับตัวเองให่มากที่สุด เพราะการมองหรืออยู่ในพื้นที่ ๆ กว้าง ๆ จะช่วยให้เรารู้สึกโล่ง สบายตัวและสบายใจมากขึ้น แต่ไม่แนะนำให้มองท้องฟ้าโดยตรงในช่วงเที่ยงนะเพราะแสงมันแรงและแดดก็แรงมากอาจทำให้อันตรายต่อดวงตารวมถึงผิวได้

ในวันที่รู้สึกแย่ลองให้ฟากฟ้าได้โอบกอดดู

Advertisement

Advertisement

ก้อนมวลเมฆเครดิต : ภาพที่ใช้เป็นภาพที่ผู้เขียนถ่ายเอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์