อื่นๆ
Cashless society จังหวะนี้ต้องเกิดแล้ว!
สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงกลางเดือนเมษายนแล้ว อากาศช่วงนี้ช่างร้อนแรงพอๆกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่กำลังเล่นงานทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งทะยานอย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพื่อที่จะป้องกันการลุกลามของปัญหาไม่ให้เกิดไปไวเกินที่จะรับมือไหว มาตรการต่างๆ จึงถูกนำมาใช้กับประชาชนเพื่อกันการระบาดของเชื้อ หนึ่งในนั้นคือการห่างกันทางสังคมหรือ social distancing ซึ่งพยายามแยกคนให้ห่างจากกันเพื่อลดการสัมผัสอันนำมาสู่การแพร่เชื้อในหมู่ประชาชนได้ เมื่อทุกคนต่างต้องแยกอยู่ในพื้นที่ใครพื้นที่มัน ชีวิตการทำงานหรือชีวิตประจำวันต่างๆที่เคยมีก่อนหน้าจำต้องมีการการเปลี่ยนแปลง เช่นการทำงานจากบ้านหรือที่เรียกว่า work from home และการใช้บริการขนส่งสินค้าหรืออาหารที่มากขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ในอนาคตอาจจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในสังคมทำให้มุ่งไปสู่สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นสิ่งปกติที่จะพบเห็นได้จนชินตา หรือที่เรียกว่าความปกติใหม่ (new normal)
Advertisement
Advertisement
แหล่งที่มา: Photo by Hello I'm Nik 🎞 on Unsplash https://tinyurl.com/ycou9rxn
มีสิ่งหนึ่งที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีความพยายามผลักดันจากทางภาครัฐและเอกชนก็คือ การทำให้สังคมเป็นสังคมไร้เงินสดหรือที่เรียกว่า cashless society ซึ่งจริงแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่เพราะมีหลายชาติในยุโรปได้ทำไปล่วงหน้าหลายปีแล้ว ตัวผู้เขียนเองก็มีโอกาสได้สัมผัสความเป็นสังคมไร้เงินสดก่อนหน้า เมื่อครั้งได้มีโอกาสไปทำวิจัยที่ประเทศเดนมาร์ก ประเทศที่ทุกคนต่างใช้โทรศัพท์ในการโอนเงิน หรือใช้บัตรเครดิตในการจ่ายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตแทนเงินสด เรียกได้ว่าเกิน 80 เปอร์เซ็นของคนที่นั่นใช้จ่ายเงินด้วยวิธีนี้ ในบ้านเราเอง เมื่อช่วงหลายปีก่อนมีความคิดริเริ่มที่จะผลักดันการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดจนกลายมาเป็นสิ่งที่รียกว่า PromptPay อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน
Advertisement
Advertisement
แหล่งที่มา: Photo by Clay Banks on Unsplash https://tinyurl.com/yc58kwd3
การเข้ามาของปัญหาการแพร่กระจายของไวรัส Covid-19 มันได้สร้างความตื่นตัวให้กับคนในสังคมจำนวนมาก ในการระวังการจับต้องเงินเพราะมีความเป็นไปได้ที่ไวรัสอาจจะติดไปกับเหรียญหรือธนบัตรแล้วกระจายไปสู่คนอื่นๆ หลายๆร้านจึงตัดสินใจที่จะบอกลูกค้าให้ชำระเงินผ่านระบบอิเลคทรอนิก จนตอนนี้แม้แต่ผู้เขียนเองก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่สะดวกอย่างมาก เราไม่ต้องจับเงินสดและยังติดตามได้ว่าเราใช้จ่ายไปกับสิ่งใดได้บ้าง แถมค่าธรรมเนียมนั้นก็ถือว่ามากตั้งแต่ 0-10 บาท ในทางกลับกัน หากคุณโอนเงินที่ธนาคารไปยังต่างสาขาคุณอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมมากถึง 35 บาท
อย่างไรก็ตามการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมไร้เงินสดนั้นยังมีความท้ายทายอยู่ โดยมีปัจจัยดังนี้
Advertisement
Advertisement
- การเพิ่มจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟน
- ความครอบคลุมของเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และการการแลกเปลี่ยนข้อมูล
- เพิ่มความง่ายในการใช้งานและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธุรกรรมการเงินออนไลน์
- การใช้จ่ายแบบอิเล็คทรอนิก ต้องได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากองค์กรของรัฐให้กว้างขวางมากขึ้น
แหล่งที่มา: Photo by Jonas Leupe on Unsplash https://tinyurl.com/yd38l475
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่ติดไปกับนิสัยการใช้จ่ายของคนไทย ไม่หายไปแม้วิฤตไวรัสจะผ่านพ้นไป ก็ได้แต่หวังให้ภาครัฐใช้จังหวะนี้ชักจูงคนให้ใช้งานกันอย่างเต็มตัว ให้ถึงระดับที่ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับ WeChat pay หรือ Alipay ในประเทศจีน
ความคิดเห็น