อื่นๆ

เพื่อนบ้านหลอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เพื่อนบ้านหลอน

เมื่อเกือบยี่สิบปีที่ล้ว   ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดกับพ่อ แม่ และพี่ชายวัยไล่เลี่ยกัน  ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 8 ขวบ อำเภอที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร  ในซอยเล็กๆที่บ้านของฉันตั้งอยู่  มีบ้านตั้งเรียงรายกันอยู่ ส่วนใหญ่มักทิ้งระยะห่างกันพอสมควร   บ้านของฉันมีเนื้อที่ราว 3 ไร่  ถัดจากบ้านไป  ด้านหลังมีที่ดินเป็นสวนยาง  อีกเกือบยี่สิบไร่  ฝั่งซ้ายมือเป็นบ้านของน้าทองกับน้าหวาน  คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน  เพิ่งแต่งงานหมาด ๆ ส่วนฝั่งขวามือเป็นเพื่อนบ้าน ชื่อป้าเย็น กับลุงขบ และลูก 2 คนวัยไล่เลี่ยกัน ระยะจากบ้านฉันกับบ้านป้าเย็น  ห่างกันราว 1 กิโล ระหว่างทางก็คั่นด้วยพืชผลต้นไม้ต่างๆ  ตัวบ้านของฉันห่างจากถนนพอสมควร  และมีต้นไม้ร่มครึ้ม อยู่หน้าบ้าน หากข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม  จะเจอลำห้วยเล็กๆคู่ขนานไปกับถนน  ก่อนจะเจอกับนาข้าว  ไม่มีบ้านคนฝั่งตรงข้ามฉัน พวกเราล่ะเล่นกันไปตามประสาเด็ก และที่ชอบมากคือ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อไปเล่นว่าวบนคันนา ใจกลางนาข้าวมีต้นตะขบที่เจ้าของที่นาจงใจเว้นเอาไว้   สำหรับเด็ก ๆ ความสนุก  คือการได้ปีนป่าย  ได้เก็บลูกตะขบกัน  แต่ฉันสังเกตเห็นว่า  แม่มักไม่ชอบใจนัก  เวลาฉันแอบข้ามถนนไปวิ่งเล่นบนคันนา

Advertisement

Advertisement

ทุ่งนา

ฝั่งตรงข้ามบ้านของป้าเย็นและลุงขบ มีพื้นที่ติดกับทุ่งนา  ที่เราชอบแอบหนีไปเล่น   มีบ้านอยู่หลังนึง ซึ่งตั้งแต่จำความได้  ฉันเห็นเพียงแต่หลังคา ที่โผล่พ้นทิวไม้และเสาไม้ใต้ถุนสูง  พอจะเดาได้ว่าเป็นบ้านไม้แบบยกพื้นสูง ฉันรู้แต่ว่าเจ้าของบ้านชื่อป้าเดือน แต่ฉันแทบไม่เคยเห็นแกเลย   มีอยู่วันหนึ่ง  ฉันกำลังปั่นจักรยาน  กลับจากร้านของชำกลางซอย ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนยิ้มให้อยู่บริเวณหน้าบ้านป้าเดือน   ได้แต่นึกสงสัย เพราะรู้มาว่าป้าเดือนแกอยู่ตัวคนเดียว

คลอง

พอพลบค่ำ  แม่มักปิดประตูบ้านอย่างแน่นหนาเสมอ   พร้อมกับหายเข้าห้องไปสวดมนต์อีกพักใหญ่   ตกดึกท่ามกลางความเงียบสงัด ฉันมักตื่นขึ้นมา  พร้อมกับได้ยินเสียงคนเดินเหยียบใบไม้รอบ ๆ บ้าน  ทั้ง ๆ ที่บริเวณรอบ ๆ บ้านเรามักจะโล่งเตียนเสมอ

บ้านเราเป็นบ้านปูน  ชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง  คืนหนึ่งฉันได้ยินเสียงของตกใส่หลังคา  และกลิ้งลงตกพื้น ฉันลุกจากห้องนอน  ไปที่ห้องนอนของพ่อแม่ที่อยู่ติดกัน  แม่รีบเอามือปิดปากไม่ให้ฉันพูดอะไร

Advertisement

Advertisement

บ้าน

อยู่มาวันหนึ่ง  พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน แต่ก่อนจะออกไป แม่ก็กำชับว่าให้เล่นอยู่ที่บ้าน  ห้ามออกไปไหน ตั้งแต่บ่ายจนเย็นแล้ว พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาเสียที ฉันเลยชวนพี่ชาย  ข้ามถนนไปยังทุ่งนาฝั่งตรงข้าม ระหว่างทุ่งนากับบ้านป้าเดือน มีดงต้นกล้วยปลูกคั่นอยู่    ในขณะที่พี่ชายกำลังปีนบนต้นตะขบ เพื่อเก็บลูกมาให้ ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้น กำลังยืนยิ้มอยู่ที่ดงกล้วยริมคันนา  เธอกำลังกวักมือเรียก ฉันเดินตามเธอไป เธอเดินเร็วมาก มารู้ตัวอีกทีเบื้องหน้าฉัน คือบ้านไม้ใต้ถุนสูง บ้านป้าเดือนที่ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้ามา  บ้านดูเก่าโทรมและเงียบเชียบ มีใบไม้แห้งๆเกลื่อนรอบบ้าน เสียงที่เด็กผู้หญิงคนนั้น  เดินเหยียบใบไม้กรอบแกรบอย่างช้า ๆ มันช่างคลับคล้ายคลับคลา  ว่าเคยได้ยินเหลือเกิน  เธอหยุดยืนและส่งยิ้มอยู่บนบ้าน  พลางกวักมือให้ฉันขึ้นบันไดไป พร้อมกับพูดว่า “มาเล่นกับดาวสิ” เท้าของฉันเหยียบบันไดขั้นแรกอย่างเหม่อลอย  หลังจากนั้นฉันก็วูบไป

Advertisement

Advertisement

ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความงุนงง  เห็นแม่กำลังกอดฉันแน่นและตาแดงช้ำ พ่อและพี่ชาย และญาติๆรุมล้อม  ฉันถามแม่ว่า “แล้วดาวไปไหนอ่ะแม่” ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จนป้าเย็นเอ่ยขึ้นมาว่า  “โธ่ ดาวเอ้ย เอ็งยังอยู่อีกหรือ”

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น  พ่อกับแม่ตัดสินใจขายบ้านและที่ดินทั้งหมด  ย้ายไปอยู่ที่อื่น และเล่าให้ฉันฟังภายหลังว่า ดาวเป็นลูกของป้าเดือนเกิดก่อนฉัน 4 ปี  ดาวชอบมาเล่นกับฉันบ่อยๆ เวลามาเล่น มักมาขอแม่บ่อย ว่าอยากพาน้องไปเล่นด้วยที่บ้าน  แต่แม่ไม่เคยอนุญาต  ด้วยความที่หวงลูกสาวคนเล็กมาก จนมีครั้งนึงดาวเคยพูดว่า “หวงจังเลยลูกสาวคนนี้ ระวังให้ดีเถอะ  จะมาโขมยไป”  จนตอนที่ฉันอายุ 4 ขวบ ดาวป่วยตายด้วยโรคลมชัก หลังจากวันนั้น  ป้าเดือนก็เก็บตัวเงียบเชียบ และย้ายออกไปเมื่อ 2 เดือนก่อน   และวันนั้นพ่อกับแม่ พี่ชายออกมาตามหาตัว หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนพ่อกับแม่ตั้งจิตอธิษฐาน บนบานขอบารมี  ของหลวงปู่ทวดที่เคารพนับถือ ขอให้หาฉันให้เจอ   และก็ได้มาเจอฉันที่หน้าบันไดหน้าบ้านป้าเดือนนั่นเอง

ภาพประกอบบทความทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์