อื่นๆ

เล่าประสบการณ์ "โรงเรียนเอกชนแบบอิสลาม"

454
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เล่าประสบการณ์ "โรงเรียนเอกชนแบบอิสลาม"

          เรื่องราวที่จะมาเล่าให้ผู้อ่านได้ฟัง เป็นประสบการณ์จากการที่ตัวผู้เขียนเคยได้รับจากการเข้าไปสังเกตกระบวนการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง โรงเรียนในลักษณะนี้อาจเรียกได้ว่าก็คล้ายกับโรงเรียนคริสเตียน แต่แตกต่างกันตรงที่แนวทางปฏิบัติทางศาสนา เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในภาคใต้ น้อยคนนักจึงจะรู้ว่าโรงเรียนเหล่านี้จัดการเรียนการสอนอย่างไร แตกต่างจากโรงเรียนปกติอย่างไรบ้าง ผู้เขียนจะเล่าประสบการณ์ที่ผู้เขียนพบเห็นมา

วิชาเรียนมีทั้ง 2 แบบวิชาอัลกุรอ่าน

เรียนทั้งรายวิชาพื้นฐานและวิชาที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม

นักเรียนจะต้องเรียนรายวิชาพื้นฐานทั่ว ๆ ไป 8 กลุ่มสาระ เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอื่น ๆ ตามที่หลักสูตรแกนกลางกำหนด แต่จะมีการเพิ่มรายวิชาที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามเข้าไปด้วย เช่น วิชาหลักการศรัทธา วิชาคัมภีร์อัล-กุรอ่าน วิชาประวัติศาสตร์อิสลาม วิชามารยาทอิสลาม เป็นต้น ทำให้ใน 1 วัน นักเรียนต้องเรียนมากถึง 9 คาบ/วัน เมื่อเรียนจบชั้น ม. 3 และ ม.6 ก็ต้องมีการสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-NET เหมือนโรงเรียนทั่วไป นอกจากนี้ยังต้องสอบ I-NET หรือการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ด้านอิสลามศึกษาอีกด้วย

Advertisement

Advertisement

การแต่งกายแบบโรงเรียนอิสลาม

การแต่งกาย

เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้เป็นเอกชน เครื่องแบบการแต่งกายจึงแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ผู้ชายต้องสวมกางเกงขายาวและสวมหมวกแบบมุสลิม ส่วนผู้หญิงเป็นเสื้อยาวและกระโปรงยาว หรือบางที่อาจเป็นชุดยาวมาถึงข้อเท้า และคลุมหัวด้วยผ้าคลุมหรือที่เรียกว่า ฮีญาบ ผืนใหญ่มาก (ผู้หญิงเปิดเผยได้แค่ใบหน้าและฝ่ามือเท่านั้น) ทั้งนี้เครื่องแบบจะมีสีต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน บางทีอาจจะมองนักเรียนเหล่านี้ว่าเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก

แยกระหว่างชายหญิง

แยกกันระหว่างชาย-หญิง

โรงเรียนที่ผู้เขียนได้ไปมีการแยกกันระหว่างชายกับหญิง เนื่องจากโรงเรียนค่อนข้างเคร่งครัดตามหลักศาสนาอิสลามที่ว่าไม่ควรให้ชายกับหญิงที่ไม่ได้แต่งงานอยู่ร่วมกัน การแยกกันในที่นี้คือ

  1. แยกเข้าแถวหน้าเสาธง โดยแยกฝั่งระหว่างชายหญิง และยืนเรียงตามลำดับชั้น ส่วนกิจกรรมหน้าเสาธงจะให้ผู้ชายเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น
  2. แยกอาคารเรียนและห้องเรียน โดยอาคารเรียนของผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่คนละฝั่ง ครูจะเป็นผู้เดินไปสอนที่ห้องเรียนมากกว่าให้นักเรียนเดินมาหา
  3. แยกโรงอาหารและร้านค้าโรงเรียน โรงอาหารและร้านค้าจะถูกแยกคนละฝั่งใกล้กับตึกเรียนนั้น ๆ โดยไม่อนุญาตให้มีการข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง
  4. แยกอาคารที่ทำการละหมาด เนื่องจากอิสลามจะต้องมีการละหมาดในช่วงกลางวันถึง 2 ครั้ง คือเวลา 12.30 น. เป็นช่วงเที่ยงก่อนเข้าเรียนคาบบ่าย และเวลา 3.50 ช่วงเวลาก่อนกลับบ้าน มีการกำหนดให้นักเรียนมาละหมาดพร้อม ๆ กันในอาคารฝั่งตนเอง หรือบางโรงเรียนให้ละหมาดในอาคารเดียวกันแต่จะมีผ้าม่านกั้นระหว่างชายกับหญิง 

Advertisement

Advertisement

          นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนพอจะทราบเท่านั้น แน่นอนว่าแต่ละโรงเรียนย่อมมีการจัดการ และกฎระเบียบ และความเคร่งครัดในศาสนาที่แตกต่างกัน การนำเรื่องนี้มาเขียนไม่ได้อยากให้ผู้อ่านคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด หรือเป็นระบบโรงเรียนที่ไม่ดี

          สำหรับผู้เขียนแล้วการเรียนโรงเรียนแบบนี้ดีตรงที่นักเรียนจะได้ความรู้ทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องศาสนาไปพร้อมกัน ทั้งนี้ก็มองเห็นข้อจำกัดบางประการ เช่น การเรียนแยกกันจะทำให้เด็กขาดทักษะทางสังคมกับเพศตรงข้าม และการเรียนในโรงเรียนที่ปิดเกินไปกาจจำกัดความคิดและประสบการณ์ทำให้เด็กไม่ทันโลกปัจจุบัน ทั้งนี้อยู่ที่คนจะมองและเข้าใจ      

ประสบการณ์นี้อาจช่วยเปิดโลกอีกมุมหนึ่งเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชนแบบศาสนาอิสลามที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก :  unsplash.com/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์