ไลฟ์แฮ็ก
Shopaholic โรคทางจิต "เสพติดการช้อปปิ้ง"

Shopaholic โรคทางจิต เสพติดการช้อปปิ้ง อันตรายถึงชีวิต! เป็นได้ทั้งชายหญิง
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay
อาการ : ลักษณะจะคล้ายคนติดยาเสพติด ถ้าไม่ได้ซื้อสิ่งนั้น สิ่งนี้จะลงแดงตาย ชักดิ้นชักงอ ทุรนทุราย
ไม่ได้เป็นการลงไปนอนดิ้นแบบเด็ก ๆ แต่เป็นการดิ้นทุราย ร้อนรุ่มอยู่ในจิตใจของตัวเอง กังวล เห็นสิ่งของที่อยากได้
อยากมี อยากซื้อมาครอบครอง เห็นภาพสิ่งของที่ตนเองอยากได้ หลอนอยู่ในหัวตลอดเวลา จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อิจฉาคนอื่นอยู่ลึก ๆ
ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตของคนอื่นว่าเขามี ทำไมฉันไม่มี แล้วมาบอกว่า โลกนี้ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ในผู้หญิงจะสังเกตได้ง่ายกว่าผู้ชายมาก เพราะจะชอบซื้อของจุกจิกเต็มบ้านไปหมด แต่ไม่ได้ใช้ กอง ๆ ไว้ให้สบายใจเล่น
ว่าฉันได้ครอบครองแกสำเร็จแล้วนะ ฉันชนะ! จะมีความสุขหลังจากได้ครอบครองไม่นานและจะทุกข์ทันที ที่เห็นว่าเงินไม่พอใช้
Advertisement
Advertisement
อีกทั้งยิ่งรู้สึกผิด ตำหนิกล่าวโทษตัวเองไปใหญ่ว่า รู้งี้ไม่น่าซื้อมาเลย (รู้งี้ตลอด==^)
มิหนำซ้ำยังรู้สึกผิด ตำหนิ กล่าวโทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ซื้อของเหล่านี้มา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีความสุขดีอยู่เลยที่ได้ครอบครองมัน
ทุกวันนี้ แอดมานั่งมองของที่เคยซื้อแล้วช้ำใจมาก รู้สึกเจ็บปวดเสียดายเงินที่ซื้อมาเพียงอารมณ์ชั่ววูบและถามตัวเองว่าซื้อมาทำไม 555😂
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย TheDigitalWay จาก Pixabay
หลายเคสที่เจอหนักถึงขั้นติดหนี้สินรุงรังบัตรเครดิตหลายใบ ใบทวงหนี้ส่งมากองเต็มบ้าน แต่ไม่มีเงินจ่ายเขาจนก่อให้เกิดความเครียด
หาทางออกไม่เจอคิดสั้นฆ่าตัวตายไปเลยก็มีหรือดักปล้นจี้คนอื่น เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่อาจพลั้งมือไปฆ่าเขาตายกลายเป็นต้องติดคุก
ตลอดชีวิต ออกจากคุก สมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะมีประวัติลักขโมย ปล้นจี้หรือฆ่าผู้อื่นมาก่อน
Advertisement
Advertisement
วิธีรักษา : ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ก็ตาม คุณมีสิทธิ์ซื้อของไร้สาระ ฟุ่มเฟือยเหล่านั้น ได้แค่ 10% เท่านั้น
ตามหลักการ 6 jars ของที ฮาร์ฟ เอเคอร์จากหนังสือ "ถอดรหัสลับ สมองเงินล้าน เพราะที่เหลืออีก 90% คือเงินที่คุณ
ต้องเก็บไว้ใช้จ่ายจำเป็น เก็บออม ลงทุน ทำบุญ การพัฒนาตัวเอง
ของไร้สาระ ฟุ่มเฟือย อาทิเช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์ไอที เครื่องสำอาง และอื่น ๆ ที่เกินความจำเป็นของคุณเอง
ถ้าซื้อแล้วขายต่อได้กำไรแบบนี้โอเค แต่ถ้าซื้อแล้วขายต่อขาดทุนแบบนี้ไม่ผ่าน❌
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย 200 Degrees จาก Pixabay
ยกตัวอย่าง
- เสื้อผ้า แนะนำให้ซื้อโทนสีสุภาพจะใส่ได้หลายงาน หลายสถานที่มากกว่าสีเจ็บ ๆ ถ้าคุณไม่ได้มีอาชีพเป็นดารา นางแบบ
หรือต้องรีวิวเสื้อผ้าให้แบรนด์ไหนนะ
💡
- กระเป๋า แนะนำให้ซื้อ โดยเน้นการใช้งาน
Advertisement
Advertisement
ความคงทน มากกว่าความดูดี เพราะสุดท้ายแล้ว กระเป๋ามีไว้ใส่ของ มีเงินในกระเป๋ามากกว่าราคากระเป๋าที่ซื้อมา
ยังไงก็ย่อมดีกว่าถือกระเป๋าแบรนด์เนมหรู แต่เงินในบัญชีล่องหนเป็นไหน ๆ กระเป๋าไม่ต้องมีเยอะหลายใบ อย่าลืม! คุณมีแขนแค่สองข้าง
มีธนบัตรในกระเป๋าหลายใบดีกว่านะ
💡
- รองเท้า แนะนำให้ซื้อโทนสีสุภาพอีกเช่นเคย เพราะใส่ได้หลายงานมากกว่าโทนสีเจ็บปวด ไม่จำเป็นต้องหลายคู่ คุณมีเท้าแค่คู่เดียว ซื้อคู่ที่ใส่สบาย คงทน ใส่ได้นานคู่เดียวไปเลย อาจแยกเป็นแตะใส่อยู่บ้าน ใส่เที่ยว ใส่ทำงาน ใส่ออกกำลังกาย อย่างละ 1 คู่ 3-4 คู่ก็พอแล้ว
💡
- โทรศัพท์ ซื้อมาให้คิดก่อนว่าจะทำเงินจากมันได้ทางไหนบ้าง คือ ซื้อมาแล้ว ต้องช่วยให้คุณได้เงินกลับคืนมาได้ด้วย
เช่น อยากขายของออนไลน์ อยากทำเพจ อยากถ่ายรูปไว้ขาย ก็เน้นกล้องสวย ๆ ไปเลย
โดยไม่จำเป็นต้องแพง เดี๋ยวนี้โทรศัพท์หลายรุ่นออกมาถ่ายรูปสวยทั้งนั้นแหละ
แอป Play store ก็มีให้โหลดแอปฟรีสำหรับแต่งรูปมากมาย อย่าซื้อเพื่ออวดใคร หรือเพื่อให้ดูดี แต่ควรซื้อเพราะมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะทำ
เงินจากมันทางไหนได้บ้าง
💡
-เครื่องสำอาง "เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย"
ประโยคติดหูของใครหลายคน ทำให้ต้องเหมาเครื่องสำอางมาประโคมแต่งหน้า แบบเหลือทิ้งเหลือใช้ จนลืมดูวันหมดอายุเครื่องสำอางกัน
เลยทีเดียว ถ้าคุณไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้า เป็นดารา นักร้อง นักแสดง นางแบบ ที่ต้องใช้หน้าตามากขนาดนั้นเบา ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ
เอาที่พอดี เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ออกมาแข่งกันขายใน7-11 แบบซองหรืออันเล็กพกพาสะดวก ใช้ได้นาน แถมราคาประหยัด ที่ช่วย
ให้แต่งหน้าออกมาสวยได้เหมือนกัน เครื่องสำอางแพงมากแค่ไหนก็สู้เทคนิคการแต่งหน้าสวยด้วยงบน้อยไม่ได้หรอกค่ะ
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Bruno Glätsch จาก Pixabay
สรุป💡
1) จำกัดงบ 10% ของรายได้เท่านั้น เช่น คุณมีรายได้ 15,000 บาท/เดือน 10% คือ 1,500 บาท จะเอาไปซื้ออะไรซื้อเลย
แต่อย่าเกิน 10% ทั้งนี้ การซื้อหมด 10% ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณหายจากโรค Shopaholic ได้เลยค่ะ
2) คิดก่อนซื้อ
จำเป็นไหม? / ไม่มีตายไหม? / ไม่มีอยู่ได้ไหม? / มีอะไรในบ้านที่พอใช้แทนสิ่งนี้ได้ไหม? จะได้ไม่ต้องซื้อ ประหยัดเงินไปอีก
/ซื้อแล้วจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง? / ต่อยอดสร้างรายได้ให้เราได้ไหม
3) อย่าแพ้คำว่า "Sale"
ลดราคากระหน่ำ 50% 70% ,1 แถม 1 หรือโบชัวร์ส่วนลด หรือส่วนลดท้ายใบเสร็จ ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ตาย คุณยังหายใจอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้
เงินก็ไม่หายไปไหนด้วย แต่คนส่วนใหญ่จะชอบคิดว่าอุตส่าห์ได้ส่วนลดทั้งที จะไม่ใช้ก็เสียดายแย่ ทั้งที่ความจริง ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่
ได้คนอื่นเขาก็ได้เหมือนคุณนั่นแหละถ้ายังตบะแตกกับสิ่งเหล่านั้นให้ย้อนกลับไปอ่านข้อ 2) ใหม่นะคะ
4)ลบแอปช้อปปิ้งออนไลน์ในมือถือของคุณออกให้หมด หรือเพจ ไอจี ไลน์ ทวิตที่คุณติดตามของฟุ่มเฟือยเหล่านั้น
แม้กระทั่งเพื่อนในเฟซบุ๊กที่ชอบแชร์โปรลดกระหน่ำ เพจช้อปปิ้ง แอดก็กดเลิกติดตามเลยค่ะ จะได้ลดกิเลสของตัวเองลงไปได้
เพราะยิ่งติดตาม ยิ่งเห็นบ่อยเข้าจากเคยคิดว่าไม่มีทางซื้อคุณจะอยากซื้อขึ้นมาอย่างแน่นอน ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตั้งแต่วันนี้
เพราะฉะนั้นเลิกติดตาม บล็อกเพจร้านค้าไปเลยก็ได้ค่ะ ไม่ดูใจร้ายหรอก เพื่ออนาคตของตัวคุณเอง
💡**คนสำเร็จส่วนใหญ่มักแชร์แนวคิด แบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ทั้งการทำธุรกิจ สร้างรายได้หรือบทความแง่บวก
มากกว่าโพสต์โชว์สิ่งของที่พวกเขาซื้อกันค่ะ เพราะเขาต้องการให้ผู้ที่มาเห็นบทความเขามีชีวิตที่ดีขึ้น**💡
5) สุดทางแล้วจริง ๆ เก็บเงินไม่อยู่ ต้องซื้อ ต้องโอน อยากมือลั่นแล้วล่ะก็ แนะนำให้ว่าควรลั่นโอนให้ถูกที่
แทนที่จะลั่นโอนซื้อของช้อปปิ้ง ลั่นกดบัตรเครดิตซื้อของรูดปรื้ด ๆ หรือกดเงินสดออกมาจากแอพใน
Mobile banking แล้วล่ะก็ให้ลั่นโอนซื้อสลากออมสินดิจิทัล ลั่นโอนซื้อกองทุนรวม ลั่นโอนออมหุ้นแทนดีกว่านะคะ
รับรองว่าคุณจะรู้สึกดี มีความสุขมากกว่าแน่นอนค่ะ เพราะจะไม่มีภาพที่คุณมานั่งมองของที่ซื้อแล้ว ไม่ใช้ตาละห้อย รู้สึกผิด
รู้สึกเสียดายเงิน รู้สึกโทษตัวเองต่าง ๆ นานาว่าฉันไม่น่าซื้อของพวกนี้มาเลยT_T
===================================
อ่านจบแล้ว มีใครหรือคนใกล้ตัวคุณมีอาการของโรค Shopaholic กันบ้างไหมคะ?
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่งที่ต้องรักษาให้หายค่ะ แล้วแต่อาการว่าเป็นมากเป็นน้อยแค่ไหน?
===================================
Blockdit : https://www.blockdit.com/neemmy.bk
เครดิตรูปภาพหน้าปก : ภาพโดย gonghuimin468 จาก Pixabay
ความคิดเห็น






