รีวิวหนังสือ ธรรมะหน้าเด้ง

หนังสือธรรมะหน้าเด้ง เป็นหนังสือหมวดธรรมะ จิตวิทยา เป็นการว่าด้วยเรื่องของความงามภายนอกผิวสวยผิวใส เต่งตึงดูอ่อนกว่าวัยด้วยเทคนิคทั้งทางธรรมและทางวิทยาศาสตร์ผสมผสานกัน นับว่าเป็นหนังสือที่แปลกใหม่แต่ยังแฝงแนวคิดข้อควรปฏิบัติที่เราอาจจะละเลยไป นั่นก็คือ การทำสมาธิวิปัสสนา ซึ่งได้ผลยั่งยืนกว่าการทำศัลยกรรม ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องเสียเงินไปมากมายด้วย ผู้เขียนเห็นหนังสือเล่มนี้จึงตัดสินใจเลือกซื้อเพื่ออ่านประดับภูมิรู้ ซึ่งผู้เขียนไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นคนที่ดูอ่อนเยาว์ แต่ต้องการรู้ว่าการปฏิบัติธรรมนั้นส่งผลต่อความอ่อนเยาว์ได้อย่างไร

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเอาศาสตร์ทางด้านจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และพุทธศาสตร์มาอธิบายเรื่องความงามบนใบหน้าได้อย่างลงตัว ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้คือทันตแพทย์สม สุจีรา ผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือแนวนี้อยู่มากมายหลายเล่มด้วยกัน

• เบญจภาคี คือสารที่มีส่วนต้านความชราทั้งห้าอันได้แก่ กลูตาไทโอน โคเอนไซม์คิวเท็น ไลโคปีน เมลาโทนิน และวิตามินอี
• เวลาโกรธอย่าพยายามฝืนตัวเองให้หยุดโกรธ เพียงแต่เฝ้าดูอารมณ์นั้นและประคองไป อาการโกรธจะค่อยๆจางลงจนหมดไป เคล็ดลับก็คือ ขณะเฝ้าดูอารมณ์อย่าใช้จิตสำนึกเข้าไปปรุงแต่งเพิ่มก็พอ
• การกำหนดสติอยู่ที่การดูอารมณ์โดยปราศจากการต่อต้าน อย่าอยากให้มันหาย เพราะยิ่งอยากยิ่งไม่หาย อย่าตั้งใจเพ่งอารมณ์หรือฝืนความรู้สึกจนเกินไป ด้วยเพราะเข้าใจว่าความรู้สึกที่ไม่ดีอย่างราคะ โทสะ โมหะ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ควรผุดขึ้นในใจจึงพยายามไปกดบังคับ ซึ่งนั่นทำให้ไม่สามารถเรียนรู้เข้าใจธรรมชาติจิตใจอย่างที่มันเป็น อารมณ์ความรู้สึกต่างๆผุดขึ้นมารับผัสสะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้เป็นสิ่งเร้าเดียวกัน และการวิปัสสนา ก็คือการตั้งสติเฝ้าดู แค่รู้เฉยๆ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องรู้สึกผิด เพียงแต่ดูรู้ตามอาการที่เกิดขึ้น
• อารมณ์กลัวเป็นรากฐานของอารมณ์อื่นๆ ถ้าตัดความกลัวก็ตัดอารมณ์ได้เกือบทั้งหมด เช่น ความโลภมีสาเหตุมาจากกลัวความจน ความโกรธมีสาเหตุจากกลัวอันตราย ความเครียดมาจากความกลัวความล้มเหลว ความอิจฉาริษยามาจากกลัวคนอื่นจะได้ดีกว่า ความรักมาจากความกลัวที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียว
• ความงาม มีอยู่ 4 ระดับ คืองามอาภรณ์ งามเรือนร่าง งามมารยาท และงามจิตใจ สองระดับแรกเป็นความงามระดับเปลือกนอก งามมารยาทเป็นความงามระดับสมอง ส่วนงามจิตใจคือความงามระดับจิตวิญญาณ คู่ชีวิตที่ครองรักกันอย่างยาวนานและมีความสุข ส่วนใหญ่เกิดจากความงามระดับนี้
• ตัวทำลายเสน่ห์ในทางพุทธศาสนาก็คือ นิวรณ์ 5 ได้แก่ กามฉันทะ คือ การหมกมุ่นในกามโลกีย์ทั้งปวง พยาบาท คือความไม่พอใจแค้นเคือง ถีนมิทธะ คือความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ อุทธัจจกุกกุจจะ คือความคิดที่ฟุ้งซ่าน ซัดส่าย หาความสงบไม่ได้ และวิจิกิจฉา คือความลังเล ไม่แน่ใจ ซึ่งกามฉันทะแก้ด้วยการเพ่งอสุภะ หรือซากศพที่ไม่น่ามอง รวมทั้งงดอาหารช่วงเที่ยงวัน สำรวมในทวาร 6 ความพยาบาทแก้โดยการแผ่เมตตา ถีนมิทธะแก้โดยการเจริญสติ และวิจิกิจฉาแก้โดยการใช้ปัญญา
• ถ้าต้องการให้ชาติหน้าเกิดมามีชีวิตไม่ตกต่ำไปกว่าเดิม เมื่อถึงเวลาจากโลกนี้ไป ต้องมีกำลังสติสะสมในจิตมากกว่าตอนขามา แม้จะไม่ถึงขนาดหลุดพ้นจากสังสารวัฏ แต่ชาติต่อๆไปจะสบายขึ้น มีความสุข มากขึ้น เฉลียวฉลาดมากขึ้น สติสมาธิทำให้มีศักยภาพในการทำงานที่สูงขึ้น ตัดสินใจถูกต้องและฉับไว ควบคุมอารมณ์และความอยากของตนเองได้ ผลพลอยได้ของสติสมาธิก็คือใบหน้าอ่อนกว่าวัย ผ่องใสไปตลอด

นี่เป็นเพียงเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจเท่านั้น ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าสติสมาธิเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดความงามและแรงดึงดูดที่ทำให้เป็นคนน่าคบหามากขึ้น สติและสมาธิคือสิ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความสำเร็จในหลายๆด้านของชีวิตเกิดขึ้น รวมทั้งความงามด้วย หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ใครก็ตามที่ยังมองว่าพุทธศาสนาไม่ได้สอนเกี่ยวกับความสำเร็จของชีวิตนั้น อาจเป็นเพราะไม่เคยมีการอธิบายอย่างละเอียดพอ หนังสือเล่มนี้ได้ให้คำตอบที่ว่าแล้ว นับว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและให้คำสอนที่ดีเลยทีเดียว

เครดิตภาพ

ภาพปก โดย Neauthy Skincare จาก Unsplash.com

ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน

ภาพที่ 3 โดย engin akyurt จาก Unsplash.com

ภาพที่ 4 โดย Neauthy Skincare จาก Unsplash.com

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

• รีวิวหนังสือ “เดอะท็อปซีเคร็ต”
• รีวิวหนังสือ วิชาแรก วิชาชีวิต
• รีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง
• รีวิวหนังสือ กรรมของนักเล่นหุ้น
• รีวิวหนังสือ จิตของนักเล่นหุ้น

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !